พรรคเเรก พรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล ปี2567และ 2568 ตั้งแต่ปลายปี 2567 จนถึงต้นปี 2568 เป็นวาระแห่งการปักหมุดจัดทัพสู้ศึกสนามการเมืองท้องถิ่นที่ต้องชิงพื้นที่กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 2 ของ "รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร"
งานนี้พรรคเพื่อไทยส่งนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งนายก อบจ. หวังดึงฐานเสียงบ้านใหญ่พื้นที่ต่างๆกลับมา เพื่อปูทางลือกตั้งใหญ่ในปี 2570 และหวังจะกลับมาเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งของประเทศ
แต่เส้นทางของพรรคเพื่อไทยก็เต็มไปด้วยขวากหนาม เพราะ "นิติสงคราม" รออยู่ข้างหน้ากับคดีร้อนๆ ที่อยู่ในมือขององค์กรอิสระ รุมถล่ม ทั้งเรื่อง เทวดาชั้น 14 การครอบงำพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ยังต้องเจอกับวิกฤตศรัทธาเพราะยังทำตามนโยบายในการหาเสียงไม่ได้ทั้งหมด
พรรคที่ 2 พรรคที่ออร่าจับ นั้นก็คือ พรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เจ้าของ รหัส "มท.1" ในปี 67 เป็นพรรคการเมืองที่มีบทบาทสำคัญและเป็นตัวแปรในการร่วมรัฐบาลมาตลอด
มีเกม หักเหลี่ยมชิงอำนาจ เป็นระยะๆกับพรรคเพื่อไทย เช่น
-พรรคเพื่อไทยประกาศนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดหักหน้านโยบายภูมิใจไทยที่ถอดกัญชาออกจากยาเสพติด ฝั่งภูมิใจไทย ก็สู้กลับขู่คว่ำนโยบายตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย จนสุดท้าย เพื่อไทยต้องถอยไปให้ใช้กัญชาทางการแพทยได้
-มิ.ย. 2567 ภูมิใจไทยยึดสภาสูง วุฒิสภา แบบเบ็ดเสร็จ จนได้ชื่อว่าสว.สีน้ำเงิน ก่อนภูมิใจไทย ประกาศขวางแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ขวางการนิรโทษกรรม หากแตะ มาตรา 112 หรือ ร่างพ.ร.บ.ประชามติกลับไปใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น ในการแก้รัฐธรรมนูญ
-และสดๆร้อนๆ นายอนุทิน เบรกร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวง กลาโหมสกัดปฏิวัติของสส.เพื่อไทย จนต้องขอถอนร่างจากสภาฯกลับไปปรับปรุงทันที
ในปี 2568 "พรรคภูมิใจไทย" จึงยังคงเป็น "หอกข้างแคร่" เบอร์ 1 ของพรรคเพื่อไทย
สรุปเหตุการณ์โศกนาฏกรรม "เจจูแอร์" ความสูญเสียครั้งใหญ่ส่งท้ายปีเกาหลีใต้
ตรวจผลรางวัลสลากออมสินพิเศษ 2 ปี งวด 229-258 วันที่ 30 ธันวาคม 2567
12 บทสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคล ต้อนรับปีใหม่ 2568
พรรคต่อมา พรรคประชาชน เจอวิบากกรรมนิติสงครามยุบพรรคซ้ำซาก จากพรรคอนาคตใหม่ สู่พรรคก้าวไกล ก่อนมาเป็น “พรรคประชาชน” ที่มี “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรคฯ
แต่กระแสพรรคก้าวไกลที่เคยเปรี้ยงปร้างจนชนะเลือกตั้งอันดับ 1 ตั้งแต่ปลายปี2566 กลับแผ่วลง แพ้ทุกสนามเลือกตั้งทั้งเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก และนายกฯอบจ. รวมทั้งบทบาทการทำหน้าที่ผู้นำพรรคและผู้นำฝ่ายค้านในสภาของ “เท้ง ณัฐพงษ์” ที่ไม่โดดเด่นจนถูกนำไปเเปรียบเทียบกันเองกับ “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคฯ
และการเมืองปี 2568 มีวาระสำคัญของพรรคประชาชนที่ต้องจับตา คือการพิจารณาคดี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ที่อยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช. หากผลออกมาเป็นไปในทางเลวร้ายสุด เจอฟันผิดจริยธรรมยกล็อต ย่อมทำให้พรรคประชาชนแพแตกอีกรอบ
อีกพรรคที่ถูกปิดตำนานไปแลล้ว นั้นก็คือ พรรคพลังประชารัฐ ที่มี สส. 40 คน ภายใต้ แกนนำ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ถือว่าเป็น ยุคขาลง จากรอยร้าวที่ไม่ลงรอยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรค ที่แตกหักในเรื่องการไม่เสนอชื่อ ผู้กองธรรมนัส ใน ครม.แพทองธาร1 กระทั่ง ผู้กอง ธรรมนัส ขน 20 สส. ไปประกาศอิสระภาพ เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2567
ขณะที่ ทีมกฎหมายพปชร. ต้องการที่จะสั่งสอนด้วยการเก็บ “ผู้กอง” และ 20 สส.ไว้กับตัว ไม่ขับออกจากพรรค แต่สุดท้ายเกมพลิกเมื่อมีปม หวานใจ บิ๊กการเมือง ในคดีส.ป.ก. ไร่ภูนับดาว จ.สระบุรี ทำให้ “บิ๊กป้อม” ต้องยอมกลืนเลือด ขับ 20 สส.ก๊วนผู้กองธรรมนัส พ้น พลังประชารัฐ
นอกจากนี้ “บิ๊กป้อม”ยัง มีคลิปเสียงคล้ายคนบ้านป่า ออกเป็นซีรีย์ๆ ทั้งเรื่อง เงินๆ ทองๆ การโยกย้ายข้าราชการ รวมไปถึงการถูกกระชับอำนาจตกสวรรค์จากนเก้าอี้ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ
ในปี 2568 ต้องจับตา “บิ๊กป้อม” บนถนนการเมืองว่าจะไปได้อีกนานแค่ไหน
สุดท้ายพรรคที่คาดว่า จะมาแรงในปี 2568 และอาจได้เก้าอี้รมว.เพิ่มเติม จากการปรับครม.ครั้งหน้านั้นก็คือ "พรรคกล้าธรรม" หลังจากที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คืนอิสระให้กับ 20 สส.ก๊วนผู้กองธรรมนัส
ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่ความเคลื่อนไหวของ พรรคกล้าธรรม ที่มี อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์รมว.เกษตรและสหกรณ์
นั่งกุมบังเหียนอยู่ จากที่มี 4 สส.พรรคเล็กย้ายเข้าไปร่วมพรรค หลังปีใหม่ 2568 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา จะนำทีม สส.ไปซบ ทำให้พรรคกล้าธรรมผงาดมี สส. 24 คน ทันที
ในปี 2568 เราจะได้เห็นภาพ “ผู้กองธรรมนัส” ลงพื้นที่โปรโมท “พรรคกล้าธรรม” แบบทุ่มสุดตัว หลังจากรอคอยที่จะประกาศอิสรภาพจาก “บิ๊กป้อม” มาเกือบครึ่งปี