วันที่ 12 ก.พ.2568 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับทีมข่าว PPTV ถึงกรณีมีคลิปเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียว่ามีการพบปะกับ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ และอาจมีการเจรจาเพื่อขอให้ยุติเรื่อง หรือถอนเรื่องที่มีการล่ารายชื่อประชาชนให้ถอดถอนนายสุชาติออกจากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. โดยอ้างว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์นั้น
โดยนายวันมูหะมัดนอร์ ได้เล่าย้อนว่าในวันนั้น พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ขอนัดพบบอกว่าจะไปสวัสดีปีใหม่ เนื่องจากรู้จักกันมานาน และจะไปคุยเรื่องสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯที่บิ๊กโจ๊กเป็นนายกสมาคมอยู่ รวมถึงเรื่องการเมืองที่มีความสนใจ อยากฟังคำแนะนำจากตน เมื่อว่างตรงกันบิ๊กโจ๊กจึงมาหาที่บ้านย่านบางใหญ่ ซึ่งตอนแรกตนนึกว่าบิ๊กโจ๊กมาคนเดียว แต่ปรากฎว่ามาพร้อมกับนายสุชาติ โดยแนะนำว่าเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ตนก็ถามว่ามีเรื่องกันมาไม่ใช่เหรอ แต่บิ๊กโจ๊กบอกว่าไม่ติดใจ อยากจะถอนเรื่อง จากนั้นก็คุยกันทั่วไป ตนก็อธิบายว่าเรื่องอยู่ในขั้นตอนไหน โดยไม่ทราบว่าระหว่างคุยมีการอัดคลิป มองว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่เป็นผู้ใหญ่เลย
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังบอกด้วยว่า เรื่องนี้ยิ่งกว่าเสียมารยาท เพราะไม่มีใครเขาทำ ปกติตนก็ไม่รับแขก แต่เห็นว่ารู้จักกันมานาน เมื่อบอกจะมาคุยเรื่องสมาคม ก็เข้าใจว่าจะจัดจัดงานและให้ตนช่วยอะไรจึงรับนัด ไม่นึกว่าจะอัดเทปกัน และไม่รู้ว่าตกเป็นเครื่องมือในเรื่องนี้หรือไม่ ต้องถามคนที่อัด เพราะในเหตุการณ์นี้มีตัวละคร 3 คนนั่งคุยกัน นายสุชาติคงไม่ใช่คนอัด และดูจากสีหน้าก็เหมือนไม่ได้ตั้งใจมา ตนก็ไม่รู้ว่าบิ๊กโจ๊กไปบอกยังไง เพราะเป็นเรื่องของเขา 2 คน
เมื่อถามว่าได้พูดคุยหรือสอบถามข้อเท็จจริงกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หลังมีการเผยแพร่คลิปออกมาบ้างหรือไม่นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ตอบทันทีว่า “ไม่รู้จะคุยทำไม คนมันไม่มีมารยาทแล้ว เราไปคุยก็เสียเวลาเปล่าๆ มันไม่ควรเกิดขึ้นและผู้ใหญ่ไม่ควรประพฤติเช่นนี้”
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวด้วยว่า ไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะกระทบภาพลักษณ์ตำแหน่งประธานสภา ที่ผ่านมาก็มีคนมาพบจำนวนมาก ตนเป็นนักการเมืองมา 40 กว่าปี รู้จักคนเยอะ การมาพบก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องทุจริต ประพฤติมิชอบ ส่วนเรื่องการตรวจสอบในประเด็นนี้ก็ตรวจอย่างเข้มข้น ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบทุกเรื่องได้ข้อสรุปว่าเรื่องที่ร้องเป็นเรื่องเก่าที่ร้องใน ป.ป.ช. ไม่มีมูลพอที่จะส่งศาลฎีกา