ถอดรหัส "คดีฮั้ว สว." ทางลงพิสูจน์ดีเอสไอ บอร์ดขาดประชุมเห็นอะไรบ้าง?

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ถอดรหัสคดีฮั้ว สว. "โอฬาร" มองเป็นทางลงพิสูจน์การทำงานดีเอสไอ สังคมไม่ค้างคาใจหากตรงไปตรงมา "สุพิศาล" ตั้งคำถามบอร์ดดีเอสไอขาดประชุมเห็นอะไรบ้าง?

เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องสำหรับ “คดีฮั้ว สว.” หลังจากที่เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มีมติรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษเฉพาะในความผิดฐานฟอกเงินเท่านั้น ซึ่งเมื่อการดำเนินการออกมาในรูปแบบนี้ ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นลักษณะของ “มวยล้มต้มคนดู” หรือไม่ มีดีลลับภายในหรือไม่ หรือแท้จริงแล้ว ดีเอสไอ มีหมัดเด็ดที่สามารถเอาผิด สว. ได้จริง ๆ

คอนเทนต์แนะนำ
แฉ "บัญชีม้าสว."รับเงินเดือนโอนเข้าพรรค เดือนละ 10 ล้าน

รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐสาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตผู้บังคับการปราบปราม ร่วมวิเคราะห์เกี่ยวกับคดีดังกล่าวในรายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk รายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐสาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตผู้บังคับการปราบปราม ร่วมวิเคราะห์เกี่ยวกับคดีดังกล่าวในรายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk

รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐสาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตผู้บังคับการปราบปราม ร่วมวิเคราะห์เกี่ยวกับคดีดังกล่าวในรายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk ไว้อย่างน่าสนใจ

"คดีฮั้ว สว." ทางลงพิสูจน์การทำงาน "ดีเอสไอ"

รศ.ดร.โอฬาร กล่าวว่า คดีนี้ถ้าดีเอสไอไม่ไปต่อจะยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถาม เพราะมีการตั้งธงไว้ใหญ่มาก บวกกับการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษถึง 2 ครั้ง ก็มีการถูกตั้งข้อสังเกต เช่น คนที่ไม่มา ลา หรือมอบตัวแทนต่าง ๆ ซึ่งคนเหล่านี้มีชื่อเสียง อยู่ในองค์กรสำคัญ ๆ คนเหล่านี้อาจประเมินว่าคดีนี้น่าจะมีอะไรไม่ปกติ พอเป็นแบบนี้ก็ต้องออก

ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ผู้บริหารเคยติดคุก เพราะฉะนั้นบทเรียนเหล่านั้นคือสิ่งที่เขาจะต้องทำงานให้รู้สึกว่าไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง ซึ่งแม้ว่าจะออกมาในรูปแบบของคดีการฟอกเงิน ก็ต้องดูว่าเขาทำจริงแค่ไหน จะเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่

รศ.ดร.โอฬาร กล่าวต่อว่า กรณีเป็นมวยล้มต้มคนดู ราคาที่ต้องจ่ายจะสูงมาก เห็นได้จากบทบาทการทำงานของ กกต. ที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์เสียหาย ทำลายต้นทุนทำลายความศรัทธาจากประชาชนไปเยอะ อีกทั้งหลักฐานในเรื่องนี้มีเยอะมาก ดีเอสไอก็ต้องดูว่าหลังจากนี้สังคมกำลังจับตามองอยู่

ตนเชื่อว่า ณ เวลานี้ไม่เป็นเรื่องง่ายสำหรับดีเอสไอ ทาง สว. และ กกต. ก็คงร้องกันว่าสุดท้ายแล้วอำนาจตรงนี้เป็นของใครอะไรอย่างไร ซึ่งหลังจากนี้จะมีกระบวนการต่อสู้หลายขั้นตอน

รศ.ดร.โอฬาร กล่าวต่อว่า คดีนี้เป็นทางลงของ สว. เพื่อพิสูจน์ให้ดีเอสไอทำงาน ว่าจะสามารถทำได้จริงมากน้อยแค่ไหน ส่วนการล้มตนยังไม่มั่นใจว่าจะล้มได้ หรือคืนความยุติธรรมให้ประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับดีเอสไอ

อย่างไรก็ตาม หากมองทางการเมืองก็สามารถถูกมองได้ เนื่องจากมีเงื่อนไขหลาย ๆ อย่างที่ต้องทำให้ สว. ที่ดูเหมือนจะมีเอกภาพ และมีความใกล้ชิดกับสีใดสีหนึ่ง ซึ่งเป็นอุปสรรคของพรรคแกนนำ ทำให้เรื่องนี้อาจถูกมองได้ว่าอาจเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ต้องทำให้ สว. สลายขั้วสลายสี

"สุพิศาล" เปิดปมคดีฮั้ว สว. รับ "ฟอกเงิน ตีตก อั้งยี่"

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า ดีเอสไอดำเนินการตามโปรโตคอลของเขา ดีเอสไอมีข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงอยู่ก้อนหนึ่ง ทั้งหลักฐานในเชิงวิทยาศาสตร์ หลักฐานในเชิงคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ก่อให้เกิดการกระทำผิดเช่นนี้ และเป็นการถ่ายเงินเข้าสู่ระบบ ที่ได้จากคำร้องของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอดีตข้าราชการตำรวจกับพวกที่ไปร้องเรียน

พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตผู้บังคับการปราบปราม รายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตผู้บังคับการปราบปราม

ทำให้ข้อเท็จจริงนั้นถูกนำเข้าไปสู่กระบวนการที่อยู่ในอำนาจของ ดีเอสไอ คือ มาตรา 21 วรรค 1 ซึ่งจุดนี้เป็นความผิดที่สามารถสอบสวนคดีฟอกเงินได้ เป็นบัญชีแนบท้ายซึ่งไปแตะกับมาตรา 77 ของ พ.ร.ป. การได้มาซึ่ง สว. คือสิ่งที่เขาถ่ายข้อเท็จจริงมาจากเหตุการณ์ที่เกิดจากการสรรหา และไปเกี่ยวกับการยุ่งเรื่องการเงิน

ซึ่งเรื่องการเงินดังกล่าวหรือก็คือการฟอกเงิน เป็นความผิดเกี่ยวกับบุคคลที่โยกย้ายถ่ายโอนเงินและได้เงินนั้นมา แต่ต้องรู้ว่าเงินนั้นได้มาจากการที่เป็นความผิดมูลฐานนั้น จุดนี้คือสิ่งที่ดีเอสไอต้องพิสูจน์

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวต่อว่า ตรงนี้ดีเอสไอไม่ได้ตัดสินว่าเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร เพราะมาตรา 21 วรรค 2 ดีเอสไอไม่จำเป็นต้องขออนุมัติจากคณะอีกแล้ว เพราะสามารถดำเนินการต่อเนื่องได้เลย

และถ้าวันใดวันหนึ่งบุคคลที่ต้องถูกกล่าวหาข้อหาฟอกเงิน อาจโดนข้อหานี้ด้วยก็ได้ นี่คือสิ่งที่กำลังคืบหน้าไปเรื่อย ๆ จากพยานหลักฐานที่กำลังไล่ข้อเท็จจริงเข้าสู่ข้อกฎหมายภายใต้อำนาจของดีเอสไอ จุดนี้อาจใช้เวลาราว 3 เดือน

สูตรคำนวณหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ดังกล่าว ต้องเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ก่อให้เกิดการกระทำผิดเช่นนี้ และเป็นแหล่งถ่ายโอนของเงินเข้าสู่ระบบ ก่อนที่จะมีการประกาศเลือก สว. ก็ต้องไปดูว่าก่อนประกาศมีใครหรือองค์กรใดที่เป็นคนจัดตั้งรูปแบบนี้ขึ้นมา กกต. จะมีอำนาจนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และคิดว่าอีก 3 เดือนจะมีใบส้มออกมาให้เราเห็น

พล.ต.ต.สุพิศาล ให้เหตุผลว่า เรื่องนี้ดีเอสไอส่งเอกสารรั่วไปแล้ว บอกพฤติกรรมศาสตร์ของคณะบุคคลตามกลุ่มอาชีพ และออกมาเป็นหลักคณิตศาสตร์ต่าง ๆ เพียงแต่ตอนนี้ ดีเอสไอ ไม่ได้ตามเรื่องการได้มาซึ่ง สว. แต่ตามเรื่องเงินที่เป็นค่าตอบแทนทั้งหมด แกะรอยจากพฤติกรรมไป

"สว.สำรอง" แฉขบวนการฮั้ว รายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
"สว.สำรอง" แฉขบวนการฮั้ว
แฉเงินเดือน สว. เข้าพรรค 10 ล้าน/เดือน รายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
แฉเงินเดือน สว. เข้าพรรค 10 ล้าน/เดือน
แฉเงินเดือน สว. เข้าพรรค 10 ล้าน/เดือน รายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
แฉเงินเดือน สว. เข้าพรรค 10 ล้าน/เดือน

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวต่อว่า การออกมาแฉของนายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ตัวแทนกลุ่ม สว. สำรอง ที่กล่าวถึงกลุ่มที่เป็นตำแหน่งผู้ช่วยนั้นน่าสนใจ ถ้าดีเอสไอจะตามรอยเงินจากบัญชีม้า จะตามรอยบัญชีจากรัฐสภาที่จ่ายเงินให้กับบัญชีบุคคลต้องสงสัยประมาณ 500 กว่าคน ว่าถูกแต่งตั้ง 3 เดือน 2 เดือน 6 เดือนเป็นไปตามข่าวหรือไม่

ถ้ายังอยู่ อยู่แล้วจ่ายเงินเป็นอย่างไร จ่ายแล้วก็ไปตามบัญชีนั้นว่ามีการย้ายถ่ายโอนอย่างไร จนพบว่าไปเข้าบัญชีม้าเดียวกัน ส่วนข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ถ้าเข้าไปแตะองค์ประกอบ ก็แจ้งข้อหาตามอำนาจที่ใช้อยู่ได้เลย

ในส่วนของ กกต. ก็ได้รับแจ้งที่เป็นเอกสารรั่วจากดีเอสไอมาแล้ว คำถามคือ บอร์ด กกต. รู้เรื่องฮั้ว สว. เมื่อไร ให้แถลงต่อสาธารณชน แต่การไม่ปรากฏบนหน้าข่าวหลังผ่านมานาน คือสิ่งที่ทำให้ประชาชนติดตาม ฉะนั้น กกต. ต้องไม่ติดคอขวดที่เลขาฯ แค่บอกฮั้วได้ จบปิดพับไป

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ส่วนตัวก็ไม่รับ เพราะเป็นครั้งแรกที่ถูกนำมาใช้แบบนี้ ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองมากมายมหาศาล ประกอบกับผู้คุมกฎก็บอกว่าใช้ได้อีก

หาก "กกต. - ดีเอสไอ" ตรงไปตรงมา สังคมไม่ค้างคาใจ

รศ.ดร.โอฬาร กล่าวว่า โดยหลักการ เรื่องนี้สมควรเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนหลังเลือกตั้ง แต่ กกต. ไม่ได้ทำ พอไม่ได้ทำ กลุ่มผู้ร้องก็มองว่าอาจเข้าข่ายคดีอาญาการฟอกเงิน อั้งยี่ ซ่องโจร ส่วนตัวมองว่าสารตั้งต้นคือ กกต. ถ้า กกต. ทำเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น และมาร่วมมือกับดีเอสไอ คงจบไปแล้ว แต่พอมาเป็นแบบนี้ ดีเอสไอทำ กกต. ตั้งแง่ เกิดการยื้อจนกลายเป็นประเด็น

รศ.ดร.โอฬาร กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ไปคาดว่าจะมีผู้ร้องมาร้องบทบาทอำนาจหน้าที่ของดีเอสไอ ว่ามีมากน้อยแค่ไหน และมีกลุ่มคนที่ออกมาร้องอีกว่า จะมีเฉพาะกลุ่ม 136 สว. หรือไม่ที่ฮั้วกัน มีสีอื่นฮั้วกันหรือไม่ จนสุดท้ายจะหลายเป็นเรื่องทั้งกระบวนการทางกฎหมายของดีเอสไอ ไปจนถึงเรื่องการต่อสู้การเมือง

แน่นอนว่าถ้าสถานการณ์ทางการเมืองของเราที่ดูเหมือนว่าทำให้สังคมมองเห็นว่าผู้เล่นที่อยู่นอกกฎหมายรัฐธรรมนูญ กลายเป็นผู้กำหนดการเป็นไปของการเมืองไทยมาก พอเป็นแบบนี้หลายคนก็จะให้น้ำหนักการคุยกันนอกรอบบนเวทีต่าง ๆ ซึ่งเป็นความท้าทายของหน่วยงานที่เป็นทางการ

ถ้าหน่วยงานทางการทั้ง กกต. ดีเอสไอ ทำงานตามอำนาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน สังคมก็ลบข้อครหาไป แต่ถ้าอำนาจที่ล้นเกินของผู้เล่นนอกกติกาเหล่านั้นจนทำให้สังคมมองว่ามีอิทธิพลต่อองค์กรเหล่านี้ แล้วองค์กรเหล่านี้มีท่าทีอะไรที่แปลก ๆ สังคมก็จะค้างคาใจ ดังเช่นการประชุม ดีเอสไอ ทั้งสองรอบ

รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐสาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา รายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐสาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

ตั้งคำถาม "กกต."

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า ดีเอสไอ หรือรวมถึง รมว.ยุติธรรม มีความสุ่มเสี่ยง เพราะเคยมีคนติดคุกไปแล้ว แต่ตนยืนยันว่าถ้าเดินตามกติกานิติกระบวนการโดยอำนาจ หยิบข้อเท็จจริงมาผูกเข้ากับข้อกฎหมายที่ตนมีอำนาจ และเข้ามติผ่านบอร์ด จะนำสู่การแสวงหาข้อเท็จจริง ไม่บิดเบือน

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวต่อว่า ตนให้ข้อสันนิษฐานว่า บอร์ดคือการให้ความเห็นส่วนตัว ไม่ได้ใช้ข้อกฎหมาย ฟังจากข้อเท็จจริงที่มีอยู่ทั้งหมด แล้วจะให้ฝั่งไหนก็เท่านั้น แต่เมื่อมีคนไม่มา ทำให้องค์ประกอบของบอร์ดไม่สมบูรณ์ จึงต้องผ่านระบบเพียงเท่านี้

เมื่อบอร์ดเห็นด้วยเมื่อผ่านมาตรา 21 วรรค 1 แล้ว ทำให้คดีฟอกเงินเข้าสู่การแสวงหาข้อเท็จจริงได้ ก็ไหลไปตามนั้น แต่อย่าให้พลาดในอำนาจของ กกต. ส่วนหนังสือที่ส่งไปให้ กกต. ซึ่งมีรายละเอียดข้อเท็จจริง ดีเอสไอ ก็ต้องติดตามด้วย เพราะเป็นนิติกระบวนงานหนึ่งที่เป็นข้อเท็จจริงจากดีเอสไอ ซึ่งก็วนไปคำถามเดิมคือ กกต. นำเรื่องนี้เข้าบอร์ดหรือยัง

ด้าน รศ.ดร.โอฬาร มองว่า กลุ่มผู้ร้องน่าจะมาร้องรวม กกต. ด้วย เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการปล่อยปละละเลย ทำให้เกิดกระบวนการเลือกตั้งนี้ขึ้น และการเลือกตั้งสังคมก็วิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่ต้นว่ามีปัญหาตั้งแต่วิธีการคัดสรร วิธีการวางกรอบต่าง ๆ นั้นสะท้อนถึงการปล่อยปละละเลย ความไม่มุ่งมั่นที่จะบริการการเลือกตั้ง จนนำมาสู่จุดนี้

ถ้าจะร้องให้ร้อง กกต. เป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมดว่ามีกระบวนการที่ทำให้เกิด สว. หน้าตาแบบนี้ แต่กระบวนการนี้ส่วนตัวมองว่าใช้เวลาพอสมควร ซึ่งหลังจากนี้ต้องไปประเมินบทบาทของ สว. ชุดนี้ว่าจะมีลักษณะที่แข็งกร้าวหรือไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ไปจนถึงการแต่งตั้งบุคลากรในองค์กรอิสระ

ขาดประชุมบอร์ดดีเอสไอ เราเห็นอะไรบ้าง?

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า การไม่เข้าประชุมบอร์ดดีเอสไอของทั้ง 3 ราย ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่ได้เป็นองค์คณะ แต่ถ้าตนเป็นตนไปแน่ เพราะข้อเท็จจริงที่ได้มาทุกคนอาจจะรู้อยู่แล้วในองค์ประชุมนั้น แล้วจะตั้งขึ้นมาให้พิจารณาทำไม ซึ่งเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาคดีอาญาที่ซับซ้อน มีอิทธิพล มีบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างแยบยล ไม่ใช่คดีอาญาผิดปกติ นี่คือความจำเป็นของคณะกรรมการ คำถามคือจะหลีกเลี่ยงทำไม

ด้าน รศ.ดร.โอฬาร กล่าวว่า พอฝ่ายการเมืองขยับในสถานการณ์ที่อ่อนไหวเปราะบางแบบนี้ ก็ถูกมองทางการเมืองได้ง่าย โดยเฉพาะบอร์ดชุดนี้ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีความรู้ความสามารถจากหลากหลายองค์กร และตำรวจสำคัญมาก เพราะเป็นคนที่รู้เรื่องรูปคดีไปจนถึงข้อกฎหมายเบื้องต้น พอประชุมแบบที่มีความล่อแหลมว่ามีการเมืองเข้าไปเกี่ยว ก็มีความพยายามต้องล็อบบี้พูดคุย จนท้ายที่สุดต้องใช้อำนาจที่สามารถบังคับได้ ควบคุมได้ในฐานะผู้บังคับบัญชา ให้เข้าประชุม

ซึ่งการเข้าประชุมนั้นไม่ได้เพื่อนายกฯ หรือหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เข้าไปเพื่อความกระจ่าง เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับรูปคดี โดยหลักต้องเข้าประชุม พอไม่เข้าประชุม ยิ่งเป็นตำรวจใหญ่ที่มีความรู้ บางท่านอาจไปไกลถึง ผบ.ตร. ทำให้คนเกิดความเอ๊ะได้

รศ.ดร.โอฬาร มองว่า เหตุนี้ ทำให้ถูกมองทางการเมืองได้ว่า หรือว่าจะมีการเริ่มประเมินอำนาจทางการเมืองของผู้นำทางการเมืองไว้ว่าเขาจะแทงม้าตัวเดียว หรือแทงม้าสองตัวดี และไปเชื่อมโยงกับบ้านจันทร์ส่องหล้า

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ