วันที่ 13 มี.ค.2568 เวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ เลขาธิการสภาฯ และฝ่ายกฎหมายของสภาฯ เกี่ยวกับญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ของฝ่ายค้าน ที่มีการพาดพิงบุคคลภายนอก คือนายทักษิณ ชินวัตร นั้นว่า อย่างน้อยได้ข้อสรุปยืนยันการเปิดอภิปรายไม้ไว้วางใจแน่นอน
ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่ดีในการเจรจาพูดคุยระหว่างกัน ส่วนกรอบเนื้อหาในญัตติจะมีการปรับคำตามที่มีการหารือในการประชุมสภาฯเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และทางประธานสภาฯยอมบรรจุญัตติ แต่รายละเอียดว่าจะปรับคำเป็นอย่างไร จะต้องมีการเจรจาเกี่ยวกับกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย อาจจะต้องมีการประชุมวิปร่วมกับฝ่ายรัฐบาลด้วย ซึ่งจะประชุมกันในวันนี้
“สิ่งที่ได้กรอบชัดเจนจากการหารือร่วมกับประธานสภาฯ อย่างน้อยระยะเวลาที่ฝ่ายค้านควรจะต้องได้รับในการอภิปรายฯ ไม่ต่ำกว่า 30 ชั่วโมง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะอภิปรายกี่วัน ต้องรอดูคณะรัฐมนตรี หรือฝ่ายรัฐบาล จะใช้เวลาชี้แจงเท่าใด ทางฝ่ายค้านก็ยืนยันว่าอย่างน้อยหากจะให้มีการปรับคำเพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเดินหน้าต่อได้ทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องให้เวลาฝ่ายค้านในการทำหน้าที่อภิปรายได้อย่างเหมาะสมที่สุด คือยืนพื้นเฉพาะเวลาของฝ่ายค้านอย่างน้อยคือ 30 ชั่วโมง” ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าว
เมื่อถามถึงข้อตกลงที่มีการหารือในการประชุมสภาฯเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หากฝ่ายค้านมีการตัดชื่อ หรือปรับชื่อบุคคลภายนอกออกจากญัตติ ประธานที่ประชุมจะไม่เบรคเวลาอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอก ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ประธานสภาฯค่อนข้างพูดไว้ชัดเจนว่า ตราบใดที่สามารถบรรจุญัตติลงไปได้ การอภิปรายทุกอย่างสมาชิกสามารถดำเนินการได้ หากมีการพาดพิงถึงบุคคลภายนอกซึ่งทำได้ แล้วเกิดความเสียหายก็เป็นความรับผิดชอบของสมาชิกเอง ไม่ได้เกี่ยวกับประธานฯ เพราะมีหน้าที่ควบคุมความเรียบร้อยในที่ประชุมเท่านั้น
เมื่อถามว่าทางฝ่ายวิปรัฐบาลมีการส่งสัญญาณมาหรือไม่เกี่ยวกับขอบเขตในการอภิปรายพาดพิงถึงบุคคลภายนอกนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องหารือในวิป 3 ฝ่ายในวันนี้ เบื้องต้นนัดประชุมกันในเวลา 16.00 น. ก็จะได้ข้อสรุปชัดเจนว่าตกลงแล้วเราจะคุยกันในเรื่องการปรบคำในญัตติ ไปพร้อมกับเรื่องของกรอบเวลาการอภิปราย ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านยินดียอมที่จะให้มีการปรับคำในญัตติ ขณะเดียวกันพรรคร่วมรัฐบาลต้องให้เวลาเราในการอภิปรายเต็มที่
เมื่อถามว่าจากการหารือค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าระยะเวลาการอภิปราย30ชั่วโมงที่ฝ่ายค้านขอไป ฝ่ายรัฐบาลให้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ประธานสภาฯ เห็นด้วยกับเรา เชื่อมั่นว่า เวลาที่ได้รับ หากฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดี ก็เป็นภาพดีกับฝ่ายค้าน แต่ถ้าเตรียมเนื้อหาไม่ดี ก็อาจเป็นภาพที่ไม่ดีกับฝ่ายค้าน เชื่อว่าความเป็นผู้ใหญ่ของประธานสภาฯ ที่หารือเรื่องกรอบญัตติ และกรอบระยะเวลาในการอภิปราย หากเป็นดำริของประธานสภาฯ ฝ่ายรัฐบาลก็น่าจะยอมรับ แต่ตนพูดแทนไม่ได้ ต้องรอการหารือร่วมกันในวิป3ฝ่ายช่วงเย็นนี้
เมื่อถามว่า การปรับคำในญัตติ คือเปลี่ยนจากคำว่านายทักษิณ เป็นพ่อนายกฯหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า เรื่องรายละเอียดคำ ตนบอกได้แค่ว่า มีการปรับคำแน่นอนเพื่อให้สามารถบรรจุญัตติได้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับกรอบเวลาการอภิปรายด้วย ขอให้รอทางวิปฯ หารือกันก่อน
เมื่อถามว่า มันจะไม่เป็นการเสียจุดยืนเดิมหรือไม่ ที่พรรคประชาชายืนยันมาก่อนหน้านี้ว่าจะต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลได้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราไม่ได้เสียหลักการอะไร ท่านประธานฯตอนที่ทำหนังสือคัดค้านมาก็บอกว่าปรับคำได้โดยที่สาระสำคัญยังคงอยู่ ทางประธานฯยืนยันในที่ประชุมสภาฯเมื่อช่วงเช้าไว้ชัด เป็นบันทึกในที่ประชุมว่าสมาชิกสามารถอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอกได้ โดยต้องรับผิดชอบเอง เชื่อว่าคำพูดของประธานสภาฯย่อมผูกมัดกับรองประธานสภาฯทุกคน เป็นคำวินิจฉัยที่วางไว้หลักการเดียวกัน ยืนยันว่าไม่เสียหลักการ เพียงแค่ปรับคำเล็กน้อยมีการตัดชื่อบุคคลออก ส่วนเนื้อหาสาระในญัตติไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อ
เมื่อถามถึงสัดส่วนในการอภิปรายพาดพิงถึงบุคคลภายนอกคือนายทักษิณจำนวนกี่เปอร์เซ็นต์ นายณัฐพงษ์ กล่าว่าการอภิปรายครั้งนี้เราอภิปรายไปที่ตัวน.ส.แพทองธาร นายกฯ แต่หนีไม่พ้นการพาดพิงบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในญัตติเราเขียนชัดเจนว่า เราอภิปรายนายกฯ ในแง่ที่นายกฯยอมให้นายทักษิณชี้นำชักใยอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นไม่ว่าเราจะอภิปรายพาดพิงใครก็ตาม ตามกรอบเราอภิปรายน.ส.แพทองธารเพียงคนเดียว
เมื่อถามว่าจากการหารือกับประธานสภาฯมั่นใจในการวางตัวเป็นกลางของประธานฯมากขึ้นหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านฯกล่าวว่า มั่นใจมากขึ้น เป็นที่มาของการใช้เวทีการประชุมสภาฯเพื่อหารือให้เป็นบันทึกการประชุม เชื่อว่าจะเป็นเวทีที่ผูกมัดพวกเราทุกคน เพราะเรามีความรับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง ไม่ใช่ไปตกลงกันข้างหลังโดยที่ประชาชนไม่รับรู้ส่วนจะกังวลหรือไม่หากมีการพาดพิงไปยังบุคคลภายนอก แล้วบุคคลภายนอกอยากจะชี้แจงจนถึงกระทั่งการฟ้องร้องดำเนินคดีหากกล่าวหารุนแรงนั้น ถือเป็นสิทธิ์ของผู้ที่ถูกพาดพิงที่จะดำเนินการ แต่พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะพาดพิงบุคคลใดก็ต้องมีข้อเท็จจริง คงไม่พาดพิงซี้ซั้ว ซึ่งจะนำมาสู่การดำเนินคดีของพวกเราเอง
“หากพวกเราพาดพิงคนที่ถูกพาดพิงก็สามารถฟ้องร้องได้ และพวกเราก็มีข้อมูลที่จะไม่พาดพิงซี้ซั้ว จนนำมาสู่การฟ้องร้อง ผมเชื่อว่านายทักษิณก็เป็นบุคคลสาธารณะ หากต้องการจะชี้แจงต่อประชาชน สื่อมวลชนย่อมให้ความสนใจอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงในสภาฯก็ได้ หรือหากท่านจะมาในสภาฯพวกผมก็ยินดี แต่ถ้าไม่มา ก็สามารถใช้เวทีใดๆชี้แจงได้อยู่แล้ว ส่วนเหตุผลการเปลี่ยนคำก็เพื่อที่จะให้กระบวนการเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่เสียหลักการ และประธานสภาฯก็ยอมรับว่า เราไม่เห็นด้วยกับการวินิจฉัยของท่านได้ เพียงแต่เพื่อให้กระบวนการเดินหน้าไปได้ เราจำเป็นต้องปรับคำ” นายณัฐพงษ์ กล่าว