หลังจาก พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ลงนามไล่ออก ”บิ๊กโจ๊ก“พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.และงดบำเหน็จบำนาญ ตามคณะกรรมการพิจารณาเพื่อเสนอแนะการลงโทษ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดในวันนี้ที่สมาคมปักษ์ใต้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ปรากฏตัวครั้งแรกพร้อมเผยสื่อมวลชนว่ากำลังใจยังดี ไม่ว่าจะอยู่ในภาคเอกชนหรือภาคราชการ ตนเองจะเดินหน้าที่ทำเพื่อประชาชนต่อไป
โดยในวันนี้ สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ในฐานะนายกสมาคมฯ เป็นตัวแทนในพิธีรับมอบเงินสนับสนุนโครงการ “พาคนใต้กลับบ้าน” เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 รวมมูลค่ากว่า 1,049,250 บาท
พร้อมกันนั้นพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยังกล่าวว่า โครงการ “พาคนใต้กลับบ้าน” เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเพื่อสังคมที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้พี่น้องชาวใต้ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายในช่วงเทศกาลสำคัญ และในสงกรานต์ในปีนี้สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ เพิ่มใช้ไฟลท์บินจากช่วงปีใหม่จาก 2 ไฟลท์เป็น 4 ไฟลท์ และรถบัส 7 คัน ซึ่งทราบว่าข้อมูลในตอนนี้มีประชาชนจองที่นั่งเดินทางกลับโดยเครื่องบินเต็มหมดแล้ว ซึ่งหวังว่าโครงการนี้จะเป็นอีกสวัสดิการช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายคนใต้บางส่วน ในสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงแบบนี้ ดังนั้นสมาคมปักษ์ใต้ขอเป็นหนึ่งในสมาคมที่ดูแลคนใต้ทั้ง 14 จังหวัด ได้กลับบ้านโดยไม่ใช่มีค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงความคืบหน้าของ ขั้นตอนต่อสู้ทางคดีหลังจากที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ลงนามไล่ออกนั้น พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เปิดเผยว่า ในเรื่องนี้ขออนุญาตยังไม่ตอบก่อน เพราะตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอน กระบวนการทางกฎหมาย เพราะฉะนั้นในวันนี้ไม่มีอะไรที่ต้องเปิดใจ ทุกอย่างว่าไปตามกฏหมาย
เมื่อผู้สืบข่าวบอกว่ามีประชาชนให้กำลังใจทางในการต่อสู้ทางคดี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เผยว่า ขอบคุณทุกกำลังใจ ในวันนี้ตนเองได้รับกำลังใจในการต่อสู้คดีดีอยู่แล้ว ไม่มีอะไรน่ากังวล เพราะว่าอยู่ที่ไหนก็ทำเพื่อส่วนรวมได้หมด เหมือนในวันนี้ที่ตนเองก็ยังทำเพื่อประชาชนคนใต้ได้ ฉะนั้นโดยเราต้องคิดว่าเมื่อเราคิดตัวให้เป็นคนของประชาชนแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในภาคราชการหรือภาคเอกชนก็สามารถทำเพื่อส่วนรวมได้ ยืนยันว่าจะเดินหน้าทำเพื่อประชาชนต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเพิ่มถึงกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเดินหน้าจะคืนความเป็นธรรมให้กับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ โดยจะเปิดโปงขบวนการที่ทำให้ต้องเสียตำแหน่งไปนั้น พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เปิดเผยว่า ยังไม่ได้คุยกับทางด้านนายอัจฉริยะ แต่ข้อมูลรายละเอียดอ่อนก็เท่าที่เห็นตามรายการ ตามที่ปรากฏในสื่อ และยืนยันว่าก็ยังไม่ได้คุยกัน
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่าในขั้นตอน การต่อสู้คดีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยังสามารถยื่นยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งมีผล จากนั้น ก.พ.ค.ตร.มีกำหนดระยะเวลาพิจารณา 120 วัน ขยายเวลาได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 60 วัน รวมทั้งสิ้น 240 วัน