ไล่เรียงตั้งแต่เรื่องของการส่งทนายความไปยื่นฟ้อง สส.ไอซ์ รักชนก และ สส.เนม สหัสวัต ฐานหมิ่นประมาท โดยนาย สุชาติ ระบุว่าในฐานะนักการเมืองพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบแต่ควรจะ เป็นในกระบวนการเช่นการยื่นกระทู้ในสภา หรือการยื่นองค์กรที่เกี่ยวข้องอย่าง ป.ป.ช. แต่มองว่าปัจจุบันตัวเองถูกนำมากล่าวหาและพิพากษาในที่สาธารณะโดยไม่เป็นธรรม
โดยเฉพาะประเด็นที่ถูกกล่าวหาโดยที่ไม่มีความรู้คือ เรื่องของราคาการจัดซื้อ ที่อยากตั้งคำถามกลับไปว่าแล้ว ไม่คิดว่าก่อนหน้านี้มีหน่วยงานที่เข้ามาตรวจสอบก่อนเหรอ
ซึ่งไม่ใช่กระทบแค่ตัวเองแต่ข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งทุกคนมีครอบครัว และเสียสละทำงาน
นายสุชาติ บอกว่าปกติตัวเองไม่ใช่คนที่มีมวลชน หรือสร้างมวลชน สร้างกระแสในโซเชียล
ประเด็นเรื่องของการถูกท้าให้ไปดีเบตมองว่า ไม่ใช่เวทีที่จะให้สื่อหรือสังคมมาตัดสิน แต่ควรจะเข้าสู่กระบวนการจึงตัดสินใจฟ้องร้อง
ส่วนที่เมื่อวานนี้ทนายความใช้อักษรย่อแทนชื่อนักการเมืองจริงๆเรื่องนี้ก็เป็นที่เปิดเผยอยู่แล้วแต่ว่าอาจจะเป็นความระมัดระวังของทนายความเท่านั้น ส่วนตัวชัดเจนว่าพร้อมพูด
ส่วนเรื่องของการฟ้องชาวเน็ต นายสุชาติบอกว่า “ผมเป็นบุคคลสาธารณะว่าได้แต่ต้องอย่าเกินขอบเขต อย่างมาว่าทุจริตในยุคผม ทำให้ผู้ประกันตนเสียหาย คุณไม่ดูว่าผมเป็นรัฐมนตรีคนแรกของกระทรวงแรงงาน ที่นำนายกรัฐมนตรี มารับดอกไม้ในวันแรงงานแห่งชาติ มีใครบ้างทำได้ ผู้นำแรงงานและรัฐบาลเขาชื่นชมผมขนาดไหนรู้ไหม”
แต่อีกฝ่ายมีการนำข้อมูลหรือว่าข้อความต่างๆในเพจตัวเองไปแปะในเพจของตัวเอง แล้วเรียกทัวร์มาลง จึงจำเป็นจะต้องมีการฟ้องร้องเอาผิดแต่ว่าหากมีการสำนึกในส่วนของชาวบ้านทั่วไปก็พร้อมจะเจรจายกเว้นกับนักการเมืองสองคนที่ฟ้องต้องแยกกัน
ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ของตัวเอง นายสุชาติบอกว่า “เขาตกใจกันหมด เขาก็ไม่คิดว่าเหมือนเรา เขาก็รักเรา เขาก็สงสารเรา ในการที่เจอ สส. แบบที่ว่าจะไปบอกว่าไม่มีความรู้ก็จะหาว่าเราดูถูกเขา จะตรวจสอบใครแต่ไม่เคยตรวจสอบตัวเอง”