เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 24 มี.ค. 2568 นายกันวีร์ สืบแสง ส.ส. พรรคเป็นธรรม ได้ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยกล่าวถึงประเด็นการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลกำลังฉาย "หนังโลกหลายใบ แต่ให้ 'นาย' คนเดียว" ตอน 73 วันแห่งการโกหก เล่นละคร ทำลายภาพลักษณ์และผลประโยชน์ชาติในเวทีโลก
นายกันวีร์ได้นำหลักฐานแชตของชาวอุยกูร์ 1 ใน 40 คน มาเปิดเผยต่อที่ประชุมสภา
พร้อมคลิปเสียงยืนยันว่าพวกเขาต้องการเดินทางไปยังประเทศที่ 3 และไม่ต้องการกลับไปยังจีน พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานไทยอย่าส่งตัวพวกเขากลับไป
นายกันวีร์ ยังระบุว่า การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนเป็นไปอย่างลึกลับ แม้แต่นายกรัฐมนตรีเองยังไม่ทราบรายละเอียดด้วยซ้ำว่าการส่งตัวเกิดขึ้นแล้ว วันนี้อยากบอกว่ารัฐบาลโกหกมาโดยตลอด การที่รัฐบาลเดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่จีน เป็นเพียง "ละครคุณธรรม" ที่ต้องการฟอกขาวสิ่งที่ทำ โดยอ้างว่าชาวอุยกูร์สมัครใจกลับไปเอง
"หลักฐานที่รัฐบาลต้องนำมายืนยันคือเสียงของพวกเขาเอง อย่าทำเป็นละครที่เอาคนกลับไปแล้วปิดปากไม่ให้พูด รัฐบาลต้องแสดงหลักฐานการสมัครใจกลับประเทศจากปากของพวกเขาเอง"
นายกันวีร์ยังกล่าวว่า ชีวิตของชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน อาจดูเล็กน้อยสำหรับรัฐบาล แต่ครอบครัวของพวกเขาที่ถูกแยกออกไปตั้งแต่ปี 2558 ยังคงรอคอยอยู่
การที่รัฐบาลอ้างว่าไม่ต้องการเลือกข้างในความขัดแย้งระหว่างประเทศนั้น แท้จริงแล้ว การกระทำในครั้งนี้เป็นการเลือกข้างไปแล้ว และเป็นการเลือกข้างที่ผิด ซึ่งทำให้ไทยต้องเผชิญกับแรงกดดันจากเวทีระหว่างประเทศ โดยรัฐบาลถูกประณามจากองค์การสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และองค์กรสิทธิมนุษยชน
ซึ่งในตอนนี้ที่กำลังมีพยายามเชื่อมความสัมพันธ์ในเรื่องเกี่ยวกับข้อตกลงการค้า FTA การตระบัดสัตย์ในประเทศที่ว่าเลวร้ายแล้ว แต่การตระบัดสัตย์ในเวทีต่างประเทศมันเลวร้ายยิ่งกว่า ซึ่งข้อตกลงระหว่างไทยและอียูนั้น มีกระดูกสันหลังที่บอกว่าห้ามขัดหลักการสิทธิมนุษยชน แต่สิ่งนั้นกลับเป็นสิ่งที่ทำให้ตอนนี้ประเทศไทยถูกประณามจากเวทีโลกอยู่
"รัฐบาลเขียนนโยบายการต่างประเทศด้วยมือ แต่ลบด้วยเท้าของตัวเอง ไม่รักษาคำมั่นว่าจะไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง" ก่อนจะทิ้งท้ายว่า "โลกเห็น แต่ไทยไม่เห็น"