อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 : “ศิริกัญญา” อภิปรายเดือด! ซัด นายกฯบริหารเศรษฐกิจพลาด จนทำให้คนคิดถึง “ลุงตู่”

เผยแพร่ 25 มี.ค. 2568 ,16:17น.

“ศิริกัญญา” ซัดความผิดมหันต์ “นายกฯอิ๊งค์” บริหารเศรษฐกิจผิดพลาด จนทำให้คนคิดถึง “ลุงตู่” เย้ยไร้ฝีมือด้านเศรษฐกิจทั้งที่มีนายกฯแพ็กคู่

เวลา 14.10 น. ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอนหนึ่งว่า วันนี้นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ทำให้คนไทยทั้งประเทศตาสว่างว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ได้เก่งเรื่องเศรษฐกิจ ความสำเร็จในอดีตได้มาเพราะโชคช่วย ทั้งที่มีนายกฯแพ็กคู่ กว่า 7 เดือนแล้ว วันนี้ได้เห็นแล้วว่าไม่ได้เก่งจริง ไม่มีความรู้ความเข้าใจจนบริหารเศรษฐกิจเละคามือ ไม่เห็นเหมือนอย่างที่โฆษณา

โดยความผิดมหันต์แบบที่ให้อภัยไม่ได้ ของนายกฯแพทองธาร คือการบริหารผิดพลาดล้มเหลว ทำให้คนร้องหาลุงตู่ คิดถึงลุงตู่ ทั้งที่วิกฤติเศรษฐกิจในช่วงนั้นเลวร้าย แต่รัฐบาลนี้ทำแบบไหนถึงทำให้คนหวนกลับไปคิดถึงยุคนั้นได้ แบบนี้เรียกว่าเสียของคนที่ไปเลือกตั้งอยากได้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย จึงเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้

“ความผิดมหันต์แบบที่ให้อภัยไม่ได้ ของนายกฯแพทองธาร คือการบริหารเศรษฐกิจผิดพลาดล้มเหลว ทำให้คนร้องหาลุงตู่ คิดถึงลุงตู่ ทั้งที่เศรษฐกิจในช่วงนั้นมันเลวร้ายขนาดไหน มันเลวร้ายที่สุดในรอบ 10 ปี ทั้งวิกฤติเศรษฐกิจจากการรัฐประหาร วิกฤติเศรษฐกิจจากโควิด แล้วทำอีกท่าไหนให้คนหวนกลับไปนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้”

ทั้งนี้ความเดือดร้อนตอนนี้เกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า ไล่ตั้งแต่เกษตรกรราคาผลผลิตตกต่ำ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กลับส่งข้อมูลบิดเบือนให้นากฯว่าราคาผลผลิตทางการเกษตรยังดี แต่ราคาปาล์มตกต่ำ 5-6 บาท นอกจากนั้นราคาข้าว อ้อย มัน ข้าวโพด ราคาตกต่ำทั้งหมด ซึ่งปัญหาอยู่ที่นายกฯไม่ใส่ใจแก้ปัญหาเกษตรกรจริงจัง ไม่มีการเตรียมแผนล่วงหน้า ไม่มีน้ำยาประสานงานรัฐมนตรีต่างพรรคให้ทำงาน

นอกจากนั้นค่าใช้จ่ายอื่นๆของประชาชนยังเพิ่มขึ้น สวนทางกับตัวเลขเงินเฟ้อ แต่ค่าใช้จ่ายประชาชนเพิ่มขึ้นจากของแพงที่หลายอย่างราคายังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งราคาน้ำมัน ราคาแก๊สหุงต้ม น้ำมันปาล์ม เนื้อหมู กาแฟผง กาแฟกระป๋อง ปุ๋ยก็ขึ้น ราคาปูนซีเมนต์ก็เพิ่มขึ้น ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่ามือถือประชาชนก็ต้องจ่ายแพงขึ้น สวนทางกับราคาสินค้าเกษตร

ส่วนรายได้ของแรงงานและมนุษย์เงินเดือน ก็แทบไม่เพิ่มขึ้นเลย นอกจากนั้นนายกฯยังสัญญาลมๆแล้งๆ พูดหาเสียงค่าแรง 400 บาททั่วประเทศ แต่พอประกาศออกมากลับทำได้แค่ 4 จังหวัดกับอีก 1 อำเภอ แต่ก็ยังให้ความหวังไม่หยุดทั้งที่ทำไม่ได้ ซึ่งเป็นการโกหกประชาชนไปเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นนายกฯแล้วยังทำไม่ได้ มีนายกฯ 2 คนก็ยังทำไม่ได้ นอกจากนั้นยังมีปัญหาการเลิกกิจการปิดเพิ่มขึ้น 11% แต่เปิดเพิ่มขึ้นแค่ 4% แรงงานถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรมจำนวนมาก ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีถูกทุนจีนสินค้าจีนเข้ามาตีตลาดแข่ง นักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นก็ได้รับผลกระทบ มูลค่าตลาดหายไป 3 ล้านล้านบาท ส่วนบริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์กำไรหดตัวต่อเนื่อง และมี 1 ใน 3 ของบริษัทจดทะเบียนขาดทุน มีบริษัทจำนวนมากถูกปรับอันดับเครดิตลดลงสูงกว่าช่วยโควิดเสียอีก

อย่างไรก็ตามโมเมนตั้มเศรษฐกิจในปี 2568 แย่งลงเรื่อยๆ โดย GDP ในช่วงไตรมาส 4 คาดการณ์ว่าเหลือไม่ถึง 2% ซึ่งประชาชนหวังว่ารัฐบาลจะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่รอบคอบ แต่นโยบายแจกเงินหมื่น 2 เฟสที่ผ่านมา เสียเงิน 1.8 แสนล้าน กลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิง กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้แต่ก็ยังทำต่อ ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างอื่น ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว เร่งรัดการเบิกจ้ายลงทุน เร่งรัดลงทุนภาคเอกชน ซึ่งเป็นนโยบายเดิมที่มำสมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน แต่ไม่ได้ผลก็ยังทำต่อ นอกจากนั้นยังมีการกั๊กงบไว้รอทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายโครงการยังงงๆ ซึ่งรัฐบาลไม่มีแผนในภาพรวม แต่เหมือนโครงการผุดมาทีละวันแบบไฟลนก้น ส่วนการแก้ปัญหาหนี้ ทั้งโครงการคุณสู้เราช่วย และโครงการซื้อหนี้ประชาชน ซึ่งเป็นโครงการที่ซ้ำซ้อนกัน แต่กลับไม่มีโครงการช่วยลูกหนี้ที่ดีเลย

“ทั้งนี้พายุเศรษฐกิจกำลังจะมา สงครามการค้ากำลังก่อตัวขึ้นมาแล้ว เพราะเรากำลังต่อคิวอยู่ในลิสต์ประเทศที่จะต้องถูกเก็บภาษีนำเข้า เพราะเกินดุลกับสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับ 10 ของโลก ซึ่งสหรัฐกำลังจะประกาศขึ้นภาษีนำเข้าแต่ละประเทศในเดือน เม.ย.นี้ อีกไม่กี่วัน ความเสี่ยงของประเทศไทยน่าจะถูกขึ้นภาษีแน่นอน ไม่ต่ำกว่า 10% ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจะรุนแรงที่สุดในช่วงต้นปีหน้า และยังมีผลกระทบที่จะตามมาอีกหลายระรอก”