ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา แถลงภายหลังการประชุมแพทยสภาประจำเดือน ครั้งที่ 5/2568 โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการสอบสวนจริยธรรทางวิชาชีพของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับกรณีการรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ
ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ เปิดเผยว่า การพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม
ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาได้มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ท่าน ในกรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง
ทั้งนี้ แพทยสภามีหน้าที่ต้องเสนอมติต่อสภานายกพิเศษ ซึ่งก็คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความเห็นชอบก่อนจะดำเนินการตามมติ ซึ่งเป็นขั้นตอนตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 ต่อไป
ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแพทย์ที่ถูกว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน เป็นความผิดที่ไม่ได้รุนแรงมากนัก เพราะเป็นการประกอบวิชาชีพที่ไม่ได้มาตรฐานเกี่ยวกับการออกใบส่งตัว ส่วนแพทย์ 2 ท่านที่ถูกพักใช้ใบอนุญาต เป็นเรื่องการให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์ไม่ตรงกับความเป็นจริง ถือเป็นความผิดที่รุนแรง
“ด้วยข้อมูลหลักฐานทั้งหลายที่เราได้รับ ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตตามที่ได้มีการแถลงข่าว เราไม่สามารถบอกได้ว่าจะพักใช้ใบอนุญาตนานเท่าไร เพราะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐมนตรีก่อน”
ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า เอกสารทั้งหมดที่เราได้รับ เราอาจจะได้รับไม่หมดก็ได้ แต่ที่เราได้รับทั้งหมด ข้อมูลเป็นแบบนั้น แพทยสภายึดความถูกต้อง ยึดหลักฐานต่าง ๆ เราไม่ได้อิงจากปัจจัยภายนอก เราแทบไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าบุคคลท่านนี้คือใคร ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยเราจะมีประเด็น ดังนั้นข้อมูลที่มีแบบนี้ เราสรุปแบบนี้ เพียงแต่ให้รู้ว่าด้วยกฎหมาย เรามีมติอย่างไร ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด คำสั่งยังไม่ออก และออกไม่ได้จนกว่ารัฐมนตรีจะให้ความเห็นชอบ เราไปดูกันอีกหนึ่งขั้นหลังจากที่ทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย