หลัง แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย โดยการกล่าวตักเตือน 1 ราย กรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐานเกี่ยวกับการออกใบส่งตัว และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ราย กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริงของนายทักษิณ ล่าสุด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ออกมาแถลงเรื่องนี้ โดยแนะให้นายกรัฐมนตรี ยุบสภา หรือ ลาออกก่อนที่ ศาลจะมีคำวินิจฉัยในคดีชั้น 14 ของนายทักษิณ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีที่แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย โดยการกล่าวตักเตือน 1 ราย กรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐานเกี่ยวกับการออกใบส่งตัว และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ราย กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริงของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ผลการพิจารณาดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าเป็นการให้ความเห็นทางการแพทย์ที่เป็นเท็จและการไม่มีหลักฐานประจักษ์ว่า นายทักษิณมีภาวะวิกฤติ เป็นการยืนยันว่า นายทักษิณไม่ได้ป่วยจริงตามที่ตนเองเคยตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับความเห็นของแพทยสภาที่จะต้องส่งให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกพิเศษแห่งแพทยสภาให้ความเห็นชอบนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกว่า นายสมศักดิ์ไม่สามารถโต้แย้งข้อเท็จจริงหรือความผิดที่เกิดขึ้นได้ อาจโต้แย้งได้เพียงเรื่องบทลงโทษว่าจะถูกพักใช้ใบอนุญาตนับเป็นเวลานานเท่าใด ส่วนตัวเห็นว่ากรณีนี้ถือเป็นการผิดวินัยร้ายแรง ควรมีโทษถึงขั้นไล่ออก ไม่ใช่เพียงการตักเตือนหรือพักใช้ใบอนุญาต
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า เมื่อแพทยสภามีความเห็นออกมาแล้ว เป็นที่ทราบกันว่าศาลได้สั่งให้อัยการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ และนายทักษิณ ชี้แจงข้อเท็จจริงภายในวันที่ 30 พ.ค.นี้ โดยแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจจะต้องรายงานความผิดของแพทย์ที่เกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าวเข้าไปด้วย
โดยตั้งข้อสังเกตว่า ศาลอาจมีการตั้งประเด็นว่าการส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจนั้น ได้มีการขออนุญาตจากศาลอย่างถูกต้องหรือไม่ หากไม่มีการขออนุญาต จะถือว่าขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 246 เกี่ยวกับการทุเลาการบังคับคดีและชะลอการลงโทษ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดอำนาจศาล และ
หากนายทักษิณยังไม่ได้ถูกจำคุกจริงตามคำพิพากษา ก็สามารถออกหมายแดงเพื่อดำเนินการคุมขังตามจำนวนวันที่เหลือได้ทันที
ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.เคยพยายามขอเวชระเบียนการรักษาของนายทักษิณนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เห็นว่า ในปัจจุบันเวชระเบียนดังกล่าวไม่มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากแพทยสภาได้เรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาตรวจสอบและสามารถสรุปประเด็นความผิดได้
ดังนั้น ป.ป.ช. ไม่จำเป็นต้องรอเวชระเบียนอีกต่อไป แต่สามารถขอเอกสารหลักฐานจากแพทยสภามาดำเนินการตรวจสอบได้ทันที
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังได้ฝากข้อความถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้อาจไม่ได้ให้ข้อมูลตามความเป็นจริงต่อผู้รับผิดชอบและศาล แต่วันนี้ความจริงได้ปรากฏแล้วว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยตามที่ตนเองได้เคยกล่าวไว้ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ดังนั้น เวลานี้จึงไม่มีใครสามารถช่วยเหลือนายทักษิณได้อีกแล้ว
หนทางเดียวคือการให้ข้อมูลความจริงต่อศาลและ ป.ป.ช. เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและเป็นธรรม ซึ่งการสารภาพจะเป็นประโยชน์ในการช่วยลดโทษได้กึ่งหนึ่ง
และการที่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ภรรยาของนายทักษิณ ไม่เคยไปเยี่ยม และบุตรสาวเดินทางไปเยี่ยมเพียงไม่กี่ครั้ง ขณะที่สมาชิกครอบครัวคนอื่นส่วนใหญ่เดินทางไปต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง เรื่องนี้สามารถนำไปสู่การตรวจสอบจริยธรรมของนายกรัฐมนตรีได้ รวมถึงกลุ่มบุคคลที่เคยยืนยันว่า นายทักษิณป่วยและมีอาการกระดูกหัก ก็ควรถูกตั้งคำถามว่าไปเห็นข้อเท็จจริงดังกล่าวมาได้อย่างไร
ส่วนผลกระทบต่อรัฐบาล พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกว่า โดยปกตินายทักษิณมักชี้นำ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว และรัฐบาลก็มักจะดำเนินการตามคำพูดของนายทักษิณ สิ่งนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่า น.ส.แพทองธาร ดำรงตำแหน่งอยู่ได้เพราะพ่อและในหลายเรื่องก็ไม่มีความสามารถในการแสดงความเห็น เช่น ประเด็นภาษีกับสหรัฐอเมริกาที่นายทักษิณต้องออกมาพูดแทน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เชื่อว่าหากนายทักษิณสิ้นสุดบทบาททางการเมือง น.ส.แพทองธาร ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย และอาจถูกยื่นตรวจสอบจริยธรรมกรณีเคยกล่าวว่าพ่อป่วยและเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งหากไม่เป็นความจริงก็อาจทำให้ดำรงตำแหน่งต่อไปไม่ได้
สำหรับพรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคภูมิใจไทยและพรรคอื่นๆ ที่มีกระแสข่าวความขัดแย้งหรือความพยายามต่อรองตำแหน่งทางการเมืองนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มองว่า เป็นภาพสะท้อนว่านายทักษิณดำเนินการต่างๆ เพื่อประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก ประชาชนไม่ได้ประโยชน์
จึงแนะนำว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือการยุบสภา หรือให้ น.ส.แพทองธาร ลาออก และเดินทางไปต่างประเทศเพื่อตั้งหลักก่อนที่ศาลจะมีคำวินิจฉัยในคดีของนายทักษิณ ซึ่งนายทักษิณเองอาจเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้เนื่องจากมีคดีติดตัวและต้องขออนุญาตศาล หาก น.ส.แพทองธาร ไม่ดำเนินการดังกล่าว ก็อาจต้องเผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับบิดา