ถนนแสงชูโตหรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 ที่พลาดผ่านใจกลางเมืองกาญจนบุรีถือเป็นจุดเปราะบางที่มักจะมีน้ำท่วมขังตามแนวถนนในช่วงฤดูฝนเป็นประจำในทุกปี
ย้อนกลับไปเมื่อ 21 ปีก่อน เทศบาลเมืองกาญจนบุรีได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อปรับปรุงระบบระบายน้ำของถนนแสงชูโต จำนวน 6 โครงการ โดยกำหนดราคากลางกว่า 26 ล้านบาท
แต่ความผิดปกติเกิดขึ้นเมื่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจพบว่า ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นพนักงานธุรการในขณะนั้น ที่มีหน้าที่จัดส่งเอกสารเกี่ยวกับประกาศประกวดราคาจ้างเหมาตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ไม่ได้ส่งเอกสารไปเผยแพร่
จึงมีหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีได้ส่งเรื่องมาให้สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาญจนบุรีดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ
ก่อนจะพบว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้จัดส่งเอกสาร แถมยังปลอมตราประทับประจำวันและลายเซ็นของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ด้วย
นายสิทธิพร ขันธพร พนักงานไต่สวนระดับกลาง สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า “ที่ผิดปกติเลยคือ ไม่ดำเนินการตามกฎหมายที่กำหนดไว้ โดย ไม่ส่งประกาศประกวดราคาไปเผยแพร่ แต่ว่ามีการเซ็นรับเอกสารจากผู้ถูกกล่าวหา ว่าได้รับเอกสารมาแล้ว แล้วก็ไปดำเนินการลงชื่อว่าได้มีการส่งแล้ว ณ เวลานี้”
เขาเสริมว่า “แล้วก็ไปปลอมตราประทับของไปรษณีย์ แล้วก็ลายเซ็นลายมือชื่อของไปรษณีย์ มันก็เลยมีพยานหลักฐานว่า มีการกระทำความผิด”
พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่ทำให้เอกชนที่จะเสนอราคารู้เห็นกันในเฉพาะวงจำกัด นอกจากจะฝ่าฝืนระเบียบของกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังฝ่าฝืน หลักเกณฑ์การประกาศประกวดราคา เพื่อลดโอกาสสมยอมกันในการเสนอราคาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2542
ถือว่ามีเจตนาปกปิดเพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมและยังเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางกลุ่มเป็นผู้ชนะการประกวดราคา ส่งผลให้เทศบาลเมืองกาญจนบุรีได้รับความเสียหาย
ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ในข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ
นายสิทธิพรบอกว่า “พอมันกลายเป็นว่า รู้กันในวงแคบ อาจจะเข้ามากันเฉพาะที่เป็นพรรคพวกกัน ก็เลยมีการตกลงฮั้วหรือมีการสมยอมราคากันได้โดยง่าย แต่ถ้าเกิดมันมีการส่งประกวดราคาออกไป ทำให้คนนอกพื้นที่รู้ว่ามีโครงการดังกล่าว หากเข้ามา มันจะทำให้มีการตกลงราคาหรือสมยอมราคากันยากขึ้น”
เจ้าหน้าที่ไต่สวนบอกว่า “คดีนี้ศาลมีคำพิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดจริง โดยศาลได้มีคำพิพากษาว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมีความผิดตามพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ในมาตรา 12”
แม้ปลายทางของคดีนี้ศาลจะมีคำพิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหามีความผิดและมีโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือนและปรับ 50,000 บาท แต่เมื่อเทศบาลเมืองกาญจนบุรีออกประกาศยกเลิกการประกวดราคาและตรวจสอบบัญชีเงินฝาก ไม่ปรากฏว่าได้รับผลประโยชน์ รวมทั้งได้รับโทษทางวินัยแล้ว โทษจำคุกจึงรอการลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี ซึ่งในมุมมองของสำนักงาน ป.ป.ช. เชื่อว่าแม้ผู้กระทำความผิดจะปกปิด ซ่อนเร้นอย่างไร แต่สุดท้ายก็ไม่รอดพ้นสายตาขององค์กรตรวจสอบ