นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยขอบพระคุณทุกคนที่ให้ความไว้วางใจ ให้ตนมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเดียว ที่มีกระบวนการการเลือกตั้งแบบนี้
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวขอบคุณนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรค แม้ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม
ไม่ว่าตนและนายเฉลิมชัยจะคิดต่างกันในบางเรื่อง แต่ตนไม่เคยตั้งคำถามเรื่องความทุ่มเทที่ นายเฉชิมชัย มีให้สมาชิกพรรค ขอให้ทุกคนช่วยกันปรบมือให้นายเฉลิมชัยด้วย
นายอภิสิทธ์ ยังยกข้อความที่ปรากฎบนสัญลักษณ์พรรค “สัจฺจํ เว อมตา วาจา” หมายถึง ความดีเป็นสิ่งไม่ตายและกาลเวลาพิสูจน์ความจริงเสมอ เกือบ 2 ปีที่แล้ว ตนจำได้ว่าใส่เสื้อเชิตตัวนี้ และทำในสิ่งที่ในชีวิตนี้ ตนไม่เคยคิดที่จะทำคือการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก่อนที่ตนจะลาออก ตนบอกว่าไม่มีพรรคอื่น ตนไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดตนออกมาก็เป็นสีฟ้า ตนจะเอาอุดมการณ์ประชาธิปัตย์รับใช้พี่น้องและประเทศชาติต่อไป
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ขอให้ท่านมั่นใจในยุคนี้ที่นักการเมือง อย่าว่า 30 ปีเลย แต่ 3 ชั่วโมงก็เปลี่ยนแล้ว ตนเป็นลูกพระแม่ธรณี ตนจะยึดถือสัจจะและความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้งตลอดไป นอกจากนี้ ในอดีตตนเคยพูดด้วยว่า ตนพร้อมจะกลับมาเสมอหากสมาชิกเห็นว่าตนสามารถทำประโยชน์ได้ ตนทราบดีถึงสถานการณ์ในวันนี้ว่าทุกคนหวั่นไหวกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ความเสียเปรียบหลายประการของพรรคประชาธิปัตย์
“ผมอยากบอกว่าผมกลับมาเที่ยวนี้ ส่วนตัวไม่มีทางได้กำไร อย่างมากสุดก็เสมอตัว ขาดทุนไม่มากก็น้อย น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด แต่ระลึกอยู่เสมอว่าชีวิตผมมาถึงตรงนี้ได้เพราะพรรคประชาธิปัตย์ จะลำบากอย่างไร จะขาดทุนเท่าไหร่ ผมก็ต้องกลับมา เพื่อทำให้พรรคการเมืองนี้อยู่คู่กับประเทศไทยต่อไปให้ได้ ผมไม่ได้คิดเฉพาะเรื่องพรรค แต่ผมเป็นหนี้ประเทศนี้ แผ่นดินนี้ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเติบโตมาแล้วเคยใช้ชีวิตในต่างประเทศ จนรู้ว่าประเทศนี้มีอะไรดีๆ มากมาย ผมไม่เคยคิดถึงที่อื่น บางคนแซวผมด้วยซ้ำว่าหากผมไปเล่นการเมืองที่อื่นในประเทศที่พัฒนาแล้ว น่าจะรุ่งกว่าในประเทศนี้ แต่ไม่ ที่นี่คือที่ๆ ผมรักและเชื่อว่า พวกเรารักที่สุด หลายครั้งเราบ่นอะไรเกี่ยวกับประเทศ คนทั่วโลกยังเห็นคุณค่าของประเทศไทย และน้ำใจของคนไทย ที่ผมเชื่อมั่นมาโดยตลอด ผมจึงต้องชดใช้หนี้แผ่นดินนี้ เหมือนที่ผมต้องชดใช้หนี้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เศรษฐกิจติดหล่ม สังคมเหลื่อมล้ำ ความยุติธรรมหดหาย เป็นไปได้อย่างไรที่เศรษฐกิจติดหล่มมาเกือบ 10 ปีแล้ว เราลุ้นกันได้คนละครึ่งพลัส ซึ่งอาจจะช่วยพี่น้องได้ในยามยากลำบาก แต่หลังจาก 3-4 เดือน ที่โครงการจบสิ่งที่ทิ้งไว้คือหนี้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่โลกเปลี่ยนชีวิตของคนหนุ่มสาวขาดความมั่นคง
ทุกคนเพราะประสงค์จะมีสวัสดิการที่ดีเกือบทั้งสิ้น แต่การเมืองเราหลอกตัวเอง หลอกประชาชนหรือไม่ว่ากำลังจะยื่นสวัสดิการให้ประชาชนได้ แต่กลับเก็บภาษีได้ไม่ถึง 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ทุกวันนี้แม้เศรษฐกิจโต แต่โตแล้วไปอยู่ที่ไหน? นับวันการผูกขาดไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจหรือทางการเมือง มีความแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อยๆ เรานิ่งดูดายปล่อยให้ประเทศเดินไปแบบนี้ไม่ได้ และอย่างที่ตนบอกขณะที่ทุกคนเชื่อมั่นในกลไกประเทศ การเมืองเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งไม่ให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ที่ตนนำคนรุ่นใหม่เข้ามา ต้องขอบคุณทุกคนที่ยกเว้นคุณสมบัติและข้อบังคับพรรค เพื่อให้โอกาสเข้ามาทำงาน เพราะวันนี้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องการที่สุด คือเครื่องจักรที่ทำให้ประเทศไทยโตได้ ตนไม่อยากให้พรรคการเมืองคิดได้แค่ว่า นโยบายอะไรที่ฟังดูแล้วถูกใจ มีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นแค่ชั่วครู่ชั่วยาม วันนี้ต้องเปิดประตูทางการเมืองที่ต้องแข่งขัน ด้วยการนำเสนอความคิดและวิสัยทัศน์ ที่ไม่ใช่นโยบาย ปราศจากการคิดอย่างเป็นระบบ หรือมีกรอบอุดมการณ์รองรับ
ตนจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ตกอยู่ในวังวน ไม่ต้องมาถามว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคอนุรักษ์นิยม หรือ พรรคประชาธิปไตย หรือ พรรคอนุรักษ์นิยมก้าวหน้า เพราะเราประกาศอุดมการณ์ตั้งแต่ปี 2489 ว่า เราคือต้นตำรับของพรรคเสรีประชาธิปไตยในไทย
“วันนี้ตนไม่ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่นำเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้ามาอยู่ในวังวนของความขัดแย้งทางการเมือง กล่าวหาว่าฝ่ายหนึ่งล้ม กล่าวหาว่าฝ่ายหนึ่งโหน ไม่ใช่เรื่องของการเมืองเลย เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ คือศูนย์รวมจิตใจของคนไทยที่ต้องอยู่เหนือการเมือง ไม่ว่าเราจะมีแนวคิดทางการเมืองต่างกันอย่างไร” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ต้องไม่เอาองค์กรอย่างกองทัพเข้ามาเป็นประเด็นทางการเมือง กองทัพจะทำหน้าที่ได้อย่างไร หากพรรคการเมืองมีอคติต่อกองทัพ และกองทัพเวลาที่ปกป้องแผ่นดินอย่างเข้มแข็ง การเมืองจะไปโหนไม่ได้ การเมืองต้องช่วยสนับสนุนนโยบายอย่างทางการทูตแบบเชิงรุกเพื่อให้กองทัพทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสบายใจเพิ่มขึ้น ไม่ควรนำเรื่องความมั่นคงของประเทศ หรือนโยบายการต่างประเทศมาเสี่ยง ผลักภาระให้ประชาชนลงประชามติ ก่อนตั้งคำถามว่าจะบอกว่าประชาชนเข้าใจหรือไม่ตนก็ไม่แน่ใจ เราจะปล่อยให้การเมืองฉุดทุกสิ่งทุกอย่างจากการทุจริตคอรัปชัน เดินต่อไปไม่ได้ หากประชาธิปไตยไม่ได้เริ่มต้นจากการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม แต่เป็นการประมูลซื้อเสียง ซื้อ สส. และคอรัปชันกัดเซาะทุกองค์กร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เราต้องถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดความสุจริต ซื่อสัตย์ ในการบริหารบ้านเมือง ตนพูดเสมอว่าในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งทางการเมือง ความรับผิดชอบทางการเมืองสูงกว่าความรับผิดชอบ ทางกฎหมาย จริยธรรมถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่ควรนำมาเป็นอาวุธทางการเมืองมาทำลายฝ่ายการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์ที่ใหญ่กว่าการคิดว่าพรรคจะมี สส.กี่คน เพราะเป็นหน้าที่ของพรรคการเมือง หากแก้ไขได้ ก็จะอยู่คู่กับประเทศไทย จะไม่หายไปไหน และเป็นความหวังหลักของประชาชน พร้อมยอมรับว่า เป็นเส้นทางที่เหนื่อยเหมือนวันนี้หากเป็นพรรคการเมืองอื่น ประชุมเช่นนี้ 2 ชั่วโมงก็เสร็จ แต่เรามีหลักการระบบตัวแทนที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของพรรคได้
ประชาชนโหยหาทางเลือก เขาเบื่อหน่ายกับพรรคการเมืองที่บอกว่า มีไว้เพียงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ดีลลับสับปรับ วันเว้นวัน เขาต้องการการเมืองที่อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาให้พวกเขาอย่างแท้จริง สถานการณ์วันนี้ หากตามกำหนดการที่วางไว้ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีการเลือกตั้ง หลายคนเครียดและมากระซิบตนว่ากำลังกังวลเรื่องที่ สส.จะย้ายพรรค ซึ่งตนก็เข้าใจเหตุผลของแต่ละคน อย่าไปเครียด เพราะประชาธิปัตย์หากอยากจะอยู่คู่กับประเทศไทย ก็ต้องสร้างคนอย่างต่อเนื่อง และหาคนที่เข้ามาพร้อมจะสู้อย่างเหน็ดเหนื่อยไปกลับอุดมการณ์พรรค เขาคือกำลังหลักที่จะทำให้พรรคอยู่ต่อไป
นายอภิสิทธิ์ ยังเล่าด้วยว่า ตนมีมาอดิเรกอยู่ 2-3 อย่าง แต่ก็แปลกใจว่างานอดิเรก วกกลับมาเรื่องการเมืองได้ ตนพูดถึงพรรคการเมืองที่พยายามดูด สส. ด้วยอำนาจเงิน อำนาจรัฐหรืออะไรก็แล้วแต่ ตนดูบอลอังกฤษ ระวังนะ ศูนย์หน้าฟอร์มดีๆ ค่าตัวแพงที่สุด ย้ายสโมสรไปแล้วยังยิงไม่ได้ซักประตู ตนฟังเพลงตอนเด็กๆ อยู่ต่างประเทศ ฟังเพลงสากล ล่าสุดเพิ่งซื้อแผ่นเสียงเทย์เลอร์ สวิฟต์ ซึ่งมีคำคมบอกว่า แก้วที่แตกจะมีความคมมากขึ้น ฉะนั้น ใครที่กำลังจะมาทุบประชาธิปัตย์ เหมือนกำลังทุบแก้วที่แตก ตนจะบอกว่าทุบเสร็จ ตนจะเอาความคมของแก้วที่แตกไปตัดวงจรอุบาทว์ การซื้อเสียงและการคอรัปชัน สิ่งนี้คือสิ่งที่เราต้องสู้ด้วยหัวใจ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า งานอดิเรกงานที่ 3 ที่ตนทำเป็นประจำ คือตนชอบแหย่ทะเลาะกับเอไอ เมื่อคืนจึงแกล้งพิมพ์ให้เอไอ ช่วยออกแบบสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ความสำคัญของสัจจะ การปราบอธรรม ปราบมาร และความอุดมสมบูรณ์ ช่วยออกแบบมาให้หน่อย เอไอจึงทำให้ 4 แบบ ซึ่งแต่ละแบบก็ยังไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ ตนจึงถามคำถามที่สองว่าเคยคิดถึงพระแม่ธรณีหรือไม่ เพราะพระแม่ธรณีคือพยานของความซื่อสัตย์ และสัจจะในวันที่มารผจญพระพุทธเจ้าตอนตรัสรู้ และน้ำที่บีบออกจากมวยผม ชำระล้างจนพญามารหนี และทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์
เอไอบอกยอมตน 4 อันที่ทำมาไม่สมบูรณ์เท่าพระแม่ธรณี แต่เอไอก็ไม่ยอมแพ้ตนง่ายๆ บอกว่าต้องไปออกแบบสัญลักษณ์ให้ดูทันสมัยหน่อย ตนจึงอยากบอกกับทุกคนว่าอย่าหวั่นไหว สัญลักษณ์พระแม่ธรณี ข้อความที่ระบุบนสัญลักษณ์ก็ดี คือคำตอบสำหรับยุคสมัยนี้อย่างแท้จริง แต่คนที่จะมาทำให้เกิดขึ้นได้ ให้ทันสมัยจริงคือพวกเรา ที่นั่งอยู่ตรงนี้และวันนี้ตนขอเชิญชวนคนทั้งประเทศที่เบื่อกับการเมืองที่ท่านเห็นมา มาร่วมกัน
“ผมยอมรับว่าไม่ง่าย แต่มาร่วมกับเราเถอะ เพราะวันที่บรรพบุรุษที่ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้แทบไม่เหลืออยู่แล้ว แต่ทำไมยังมีประชาธิปัตย์อยู่ถึงทุกวันนี้ ก็ถ่ายทอดมาถึงรุ่นสู่รุ่น ผมก็เช่นกันวันนี้ผมขาวแล้วก็เตรียมส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไป มาช่วยกันเถอะ เราไม่ได้มีเป้าหมายเฉพาะหน้า เป้าหมายสุดท้ายของเราไม่เพียงแต่อยู่คู่ประเทศไทย แต่จะทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า เพื่อคนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว