การจากไปของดาราสาว แตงโม – นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ภัทรธิดา สร้างความเสียใจให้คนรอบข้าง คนในวงการ และเหล่าแฟนคลับ รวมไปถึงแก๊งเพื่อนนักแสดง จาก “เบญจา คีตา ความรัก” ที่แจ้งเกิดและโด่งดังมาพร้อมกัน
ภายหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของ “แตงโม” แก๊งเพื่อนนักแสดงอย่าง อู๋ - นวพล ภูวดล , น้ำ - รพีภัทร เอกพันธ์กุล , บิ๊ก - ภุชิสสะ ศุภธนพัฒน์ , ไผ่ – พาทิศ พิสิฐกุล , เชียร์ - ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์
เมี่ยง - อติมา ธนเสนีวัฒน์ , เจี๊ยบ – ชมพูนุช ปิยธรรมชัย , รุ้งเฑียณ อูนากูล , จิ๊บ - คีตภัทร อันติมานนท์ , เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้ (อิม อชิตะ) ได้รวมตัวกันเฉพาะกิจเพื่ออาลัยเพื่อนรัก
และได้เล่าเรื่องราวความประทับใจในคลิป “SING WITH ME ร้องกับซี EP.9 | ประวัติศาสตร์ 19 ปี เบญจา คีตา ความรัก” ทางยูทูบแชนแนล AmyC Channel และยังได้ร่วมกันร้องเพลงที่ทำเอาทั้งหมดถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
โดย “อู๋” เริ่มเล่าก่อนว่า “โมน่ารัก ขาวสวยหมวยมาเลย ตอนนั้นยังไม่ได้โอเพ่นว่าเป็นคนบุคคลิกเขาเป็นยังไง สนุกสนานเฮฮาขนาดไหน เราก็ยังไม่กล้าคุย เกร็ง ได้มาคุยกันเยอะขึ้นหลังจากได้ร่วมงานละครเรื่องๆอื่นๆ ยังบอกเลยว่าโมน่าจะเกิดเป็นผู้ชาย นั่นแหละที่คิดถึงเขา ตอนรู้ข่าวก็ภาวนาให้เขารอด”
จากนั้น “ไผ่” เล่าต่อ “โมเป็นคนน่ารัก ที่เจอบ่อยที่สุดตอนไปแข่งรถด้วยกัน เจอตลอด สัมผัสได้เลยว่าโมเป็นคนที่จริงใจ เป็นคนที่ตั้งใจ จิตใจดี เป็นคนน่าคบ ตอนรู้ข่าวการที่ไม่เจอเป็นชั่วโมงมันผิดปกติมาก เศร้าเพื่อนเราไม่น่ามาเจออะไรแบบนี้เลย คิดในแง่ดีเขาได้ไปอยู่กับพ่อเขาแล้ว”
“บิ๊ก” เผยว่า “เล่นละครด้วยกันครั้งแรกเป็นบทที่เป็นแฟนกัน ผมเชื่อว่าทุกคนในกลุ่มชอบโมเพราะเป็นบุคลิกผู้ชายมากกว่า ตอนรู้ข่าวก็ภาวนาขอให้มีคนช่วยเพื่อนเรา ยังไม่คิดว่าเพื่อนจะไปแล้ว”
ด้าน “น้ำ” กล่าวเสริมว่า “อารมณ์เหมือนเพื่อนผู้ชายคนนึง ตอนแรกจากเจอตอน เบญจาฯ ยังไม่สนิทกัน โมจะชอบมานอนที่กอง ยังไปแกล้งเลย พอเริ่มสนิทกันก็เป็นเพื่อนกันละ มีความหวังดีต่อกัน และยังไปเจอกันในละครเรื่องอื่น ก็สนิทกัน ส่วน “พ่อโส” คุณพ่อของแตงโม ยังให้เรียก “พี่โส” เลย ชีวิตโมเป็นนักต่อสู้มาก ผ่านมาหลายๆอย่าง วันนี้เขาไม่ต้องมาต่อสู้อีกแล้ว ได้พักผ่อนแล้ว ก็เสียใจขอให้เขาพักผ่อนอย่างมีความสุข”
ในขณะที่ “เจี๊ยบ” บอกว่า “โมเป็นคนที่อ่อนไหวเหมือนกัน เป็นคนที่ต้องการความรัก และน้องก็เหมือนเจอทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี มันสลับกันอยู่ตลอดเวลา น้องไม่เคยได้มีช่วงที่สุขจะสุขได้เต็มที่ อยากบอกโมว่ารู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาน้องเหนื่อยมาก เอาใจช่วยมาตลอด (ร้องไห้) วันที่เขามีความสุขมันสั้นไปหน่อย อยากให้เขาอยู่ที่สถานที่ที่ปลอดโปร่ง อยู่แบบไม่กังวลอะไรแล้ว”
“รุ้ง” เล่าความประทับใจต่อเพื่อนว่า “มีความทรงจำที่ดีกับโม ด้วยความที่เขาเป็นเพื่อนที่น่ารัก ด้วยความที่รุ้งใหม่มาก และเป็นบทนำครั้งแรกแล้วสิ่งที่รู้สึกไม่มั่นใจมาก คือรุ้งจะเจอคอมเมนต์เยอะมากว่าแบบไม่สวย มาเล่นละครได้ยังไง ลึกๆก็ค่อนข้างที่จะเสียใจ เราก็ไปนั่งคุยกับเขา(โม) เหมือนไประบาย ยังจำโมเมนต์นั้นได้เลย เขาก็จะให้กำลังใจ เขาเทคแอคชั่นด้วยนะ ขับรถพารุ้งไปหาหมอ อันนี้พูดได้เลยว่าคือ ณ ตอนนั้นทุกคนมีค่าย มีสังกัด แต่รุ้งให้แม่ดูแล โมจะคอยให้กำลังใจเรา สิ่งนี้มันอยู่ในใจตลอด เขาไม่ควรมาเจอเรื่องแบบนี้ หวังว่าคนจะรักเขาคิดถึงเขาเหมือนที่รุ้งรักโมตลอดไป”
เมี่ยง : “เมี่ยงเริ่มมากับโมเรื่องแรกคือ เบญจาฯ และได้เล่นละครด้วยกันอีกเรื่องนึงเป็นละครกลางวัน โมเป็นคนน่ารัก เป็นคนตรง จิตใจดี และได้มีโอกาสได้มาเจอเขาอีกทีตอนที่ห้างแห่งหนึ่ง ยังคุยกันเรื่องเก่าๆเลย ถึงเบญจาฯ เลยยังบอกเลยว่าเดี่ยวเอาลูกมาเล่นด้วยกัน และมีโอกาสได้เจอกันอีกบนเครื่องบิน เมี่ยงเป็นพนักงานต้อนรับ เขาเป็นผู้โดยสาร ยังถ่ายรูปและคุยกันเลย ช่วงนั้นเขาน่าจะไม่เล่นละครเหมือนจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพหรืออะไรนี่แหละ และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ข่าวโมอีกเลย แต่เราก็ติดตามเขาในข่าว ในไอจี ตอนรู้ข่าวก็ตกใจมาก”
จิ๊บ : “ก็ได้เจอโมและทุกครั้งที่เจอ ถึงเขาจะทุกข์จะยังไงเขาก็จะไม่ค่อยโชว์ออกมาให้เรารู้สึกเป็นห่วง เขามีแต่จะมอบความสุข ความเฮฮา ความน่ารัก และสิ่งที่ประทับใจมากที่สุดและซึ้งใจ คือตอนนั้นเราถ่ายละครจบไปแล้ว คุณพ่อจิ๊บไม่สบายจากนั้นก็เสียชีวิต ก็ไม่ได้บอกใคร แต่โมกับพ่อโสมา เราก็ไม่รู้ว่าเขารู้ได้ยังไง นี่คือวันที่เราแย่เขายื่นมือมาหาเรา วันนั้นคือวันที่แย่ที่สุด เขามาทั้งแววตาและการกอด เขามามอบให้เราในวันที่เราแย่ที่สุด เราประทับใจเพราะวันนั้นเราดาวน์ที่สุด โมมาไม่พูดอะไรเยอะ เขากอดและบอกนั่งอยู่ตรงนี้นะๆ นอกจากความสุขและเป็นพลังรักและมาโอบกอด”
จากนั้น “เชียร์” เล่าทั้งน้ำตาว่า “นี่นั่งดูรูปยังรู้สึกจริงเหรอ มันก็คือ… เชียร์เจอพี่โมก่อนที่จะมาเล่นเบญจาฯ เราประกวดมิสทีนไทยแลนด์ด้วยกัน และเราเข้ามาพร้อมๆกันในตอนนั้นจะถูกจับแข่งกันตลอด เชียร์โม โมเชียร์ เปรียบเทียบ แต่เชียร์โชคดีมากที่คนที่ถูกจับเปรียบเทียบดันกลายเป็นคนที่เราโคตรสบายใจที่สุด มันย้อนไปตั้งแต่ช่วงมิสทีนฯ การประกวดต้องสวยเป๊ะ เพื่อให้ได้ตำแหน่งอะไรก้ตาม แต่มีคนนึงที่เรารู้สึกเรามองไป โคตรเหมือนเราไม่ได้คิดว่าจะมาแข่ง ชิลล์มากคนนั้นคือพี่โม ตอนนั้นเราไมได้สนิทกันมากด้วยความที่กลุ่มเพื่อนคนละกลุ่มกัน แต่เชียร์ก็มารู้ทีหลังว่าตอนที่เราได้ตำแหน่งคนนึงที่นอกจากกลุ่มเพื่อนที่ยินดีกับเราคือพี่โม
เราเลยรู้สึกว่าคนนี้เจ๋งดี ไม่เคยคิดแข่งกับใคร พอมาอยู่ในเบญจาฯด้วยกัน มีโมเมนต์ที่เล่นกันได้มากขึ้น สนิทกันได้มากขึ้น และทำอะไรแผลงๆด้วยกันได้ มันคือความทรงจำ มันไม่ใช่ความทรงจำแค่ตอนเบญจาฯ แต่ไม่ว่าจะเจอกี่ครั้ง พี่โมก็ยังเป็นพี่โมของเชียร์แบบนี้เหมือนเดิม รู้สึกว่าโชคดีที่ได้มาเจอคนๆนี้ ในชีวิตจริงๆของเขาเองที่เชียร์ใจหายและเสียใจที่สุด คือก่อนหน้าที่เชียร์ทำละครและตัวละครนึงที่เชียร์นึกถึงพี่โม โทรหาเขาอยากให้มาเล่น เราก็โทรหาเขาถามว่าเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม เขาตอบกลับมาว่าไม่สบาย เราฟังตอนนั้นเราก็ยังเสียดายว่าทำไมเราไม่ตื้อเขาให้นักกว่านี้ ปรากฎว่ามารู้ตอนหลังว่าตอนนั้นเขาหนักมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพ่อ เรื่องความไม่มั่นใจ การถูกบูลลี่หรือแม้กระทั่งเขาไม่มั่นใจว่าคนในวงการบันเทิงจะมีครอยากคุยกับเขาไหม เขาไม่กล้าไปคุยกับคนอื่น โดนกระทำจนบอบช้ำมาก เรารู้สึกเสียดายว่าเราไม่ได้อยู่กับเขาในช่วงที่เขาบอบช้ำขนาดนี้ เราเสียดายมาก
พอ ณ วันที่เกิดเรื่อง ได้แต่หวังว่าครั้งนี้กลับมาให้มาเจออีกครั้งได้ไหม รอดได้ไหม แต่เขาก็ไม่กลับมา เชียร์อยากบอกว่าการมาของผู้หญิงคนนี้ บางคนอาจจะบอกว่าเหมือนหนังสือเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง แต่พี่โมเหมือนหนังสือหลายเล่มเลยนะ ทำให้เห็นอะไรบางอย่างที่มีคุณค่า ไม่ใช่แค่กับใครคนใดคนหนึ่งแต่มันเหมือนกับคนทั้งประเทศ เชียร์ว่านี่คือการมาที่วิเศษของเขาแล้ว ไม่ว่าวันนี้เขาจะรับรู้หรือไม่รับรู้ก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันมีคุณค่าที่สุดแล้ว คือความคุ้มค่าที่เขาได้มา และเป็นความโชคดีที่เราทุกคนได้เจอเขา”
เฟี้ยวฟ้าว (อิม) : “จริงๆทำใจไม่ได้นะ ทำใจไมได้เลย วันสุดท้ายเจอก็หอมแก้มน้องและจับมือน้องบอกโมพี่ใจไม่ดี จริงๆอิมสนิทกับน้อง อิมขับรถไม่เป็นและไปถ่ายเบญจาฯ เมื่อก่อนเคยอยู่อพาร์ตเมนต์ใกล้คอนโดของโม เขาจะขับรถไปรับไปส่งทุกวัน เลยได้เห็นได้เห็นความอ่อนโยนของเขา ภาพข้างนอกอาจจะดูพูดตรงแต่จริงลึกๆเขาอ่อนโยนมาก และเขาพยายามไม่ให้คนที่อยู่รอบข้างไม่ต้องมารู้สึกกับสิ่งที่เขารู้สึก เช่น เขาเสียใจ คิดหนัก โดนดราม่า เขาจะแสดงออกให้เห็นว่าเขาโอเค แต่จริงๆโมไม่ต้องเข้มแข็งมากก็ได้ อย่างที่น้องบอกมาเสมอว่าต้องให้ตายก่อนเหรอถึงจะค่อย… มันเป็นความรู้สึกน้องจริงๆ น้องโดนมาเยอะมาก อิมพยายามอยากจะบอกทุกคนว่าก่อนที่จะคอมเมนต์ คำบางคำคนหนึ่งเปล่งออกมาด้วยความไม่ตั้งใจ แต่คนนึงอาจจะเก็บไว้หลายปีก็เป็นได้”
และ “ซี” เล่าเป็นคนสุดท้ายว่า “ผมรู้สึกเหมือนทุกคน ที่เรามารวมตัวกันไม่ได้อยากทำให้มันดราม่า แต่มันคือความรู้ผูกพันกันเราเริ่มต้นด้วยกัน ผมก็มาพร้อมเขา ผู้จัดการคนแรกคนเดียวกัน โด่งดังด้วยกัน รับรางวัลด้วยกัน มีเรื่องราวทั้งดีและร้ายด้วยกัน ได้เห็นชีวิตของคนๆนึงที่หลายคนมองว่าเขาเข้มแข็ง แต่ด้วยลึกๆเขาเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่เด็ก เขาจำเป็นต้องมีเกราะป้องกัน เพื่อให้คนที่อยู่รอบข้างแข็งแรง แต่จริงๆหัวใจเขาเปราะบางมาก แค่เราเดินไปจับมือเขาบอกว่า “สู้ๆนะโม” เขาก็น้ำตาไหลแล้ว
แต่ใครจะรู้ว่าผู้หญิงที่เปราะบางกลับส้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้คนที่อยู่ใกล้เขาเสมอ โมเคยไลน์มาหาให้ไปเยี่ยมคุณพ่อ เราจะไปเยี่ยม แต่คุณพ่อน็อกยา ก็เสียดายที่ไม่ได้ไปอยู่ข้างโม โดยเฉพาะวันสุดท้ายที่เราอยู่กับอิมและเจอโม ทุกครั้งที่เจอโม เราเหมือนเด็กได้ของเล่น ได้เจอเพื่อนที่เรารักและเราก็จะกอดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกัน วันนั้นไม่รู้จริงๆว่าจะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เจอโม สามารถพูดได้เต็มปากว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้รักโม และดีใจที่ได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ที่มีความสุจริตในหัวใจทุกมิติและทุกเวลาของชีวิต”
“เบิร์ด ธงไชย” สุดดีใจ เป็นด็อกเตอร์แล้ว เผยภาพซ้อมรับปริญญาเอก
และในช่วงท้ายแก๊งเพื่อนยังได้นำเพลง “จากนี้ไปจนนิรันดร์” ที่ “แตงโม” เคยร้องคัฟเวอร์ไว้มาร้องด้วยกัน และได้ปล่อยเสียงช่วงหนึ่งเป็นเสียงร้องของ “แตงโม” ทำเอาเพื่อนผู้หญิงร้องไห้กันหนักมาก ด้านฝั่งเพื่อนผู้ชายก็น้ำตาคลอ ส่วน “ไผ่” ถึงกับกลั้นไม่อยู่ปล่อยโฮออกมา และทุกคนทิ้งท้ายด้วยการตะโกนดังๆว่า “รักแตงโม”