“ยูโร ยศวรรธน์” ไม่ทิ้งความพยายาม สู้จนมาถึงวันนี้ ขึ้นแท่น ‘พระเอกมาแรง’
ความสุขเรียบง่ายของ “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ในวัย 37 ปี กับทิศทางในวงการบันเทิง
เป็นนางเอกดาวรุ่งที่กำลังมีผลงานให้แฟนๆได้ชมกันทางหน้าจอ สำหรับ พระพาย - รมิดา ธีรพัฒน์ ซึ่งวันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับสาวหน้าหวานคนนี้กับเส้นทางในวงการบันเทิง ที่เจ้าตัวบอกว่าไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นนางเอกได้ เพราะเริ่มต้นเพียงอยากหาประสบการณ์และลองทำ แต่สุดท้ายเมื่อมีโอกาสดีๆเข้ามาก็ไม่พลาดที่คว้าไว้
นอกจากนั้น “พระพาย” ยังแย้มเรื่องหัวใจที่ปลูกต้นรักกับ หนุน - ชนน์ชนก ชิดชอบ ลูกชายของ “เนวิน ชิดชอบ” มานานหลายปีให้ฟังด้วย
เคยคิดไหมว่าตัวเองจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นนางเอก?
“เอาจริงๆหนูไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาเป็นนางเอก แต่พอได้โอกาสมาก็คิดว่ามันไม่ใช่ทุกคนนะที่จะได้โอกาสดีๆแบบนี้ ก็พยายามทำเต็มที่ บางทีหนูก็ยังมีความรู้สึกว่าตัวเองยังไม่เหมาะหรือเปล่านะ มีกังวลบ้างเล็กน้อย แต่พอมีโอกาสได้งานมาเรื่อยๆหนูก็จะพยายามตั้งใจ ก็ 5 - 6 ปีแล้วค่ะที่ได้โอกาสเข้ามาทำงาน แต่หนูรับละครปีละเรื่องเอง แต่มีช่วงนึงที่ไม่รับเลยเพราะไปเรียนให้จบ เลยทำงานไม่ค่อยต่อเนื่อง พอได้กลับมาทำงานก็ต้องเร่งฝีมือตัวเอง และพอหายไปก็ทำให้ไม่ค่อยมีกระแส คนดูก็อาจจะลืมหน้าไป”
หรือตอนนั้นคิดว่าจะไปทำงานในสิ่งที่เรียนมา?
“ก็มีคิดบ้างนะคะ หนูเป็นค่อนข้างวางแผนอนาคตตัวเองให้ยาวๆ อย่างตัวหนูก็ไม่ใช่ว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ได้ตลอด มันก็ต้องวางแผนที่จะสามารถรองรับตัวเองได้ในระยะยาว หาอาชีพอื่นที่จะเลี้ยงตัวเองได้ในระยะยาว ตอนนั้นก็เน้นเรียนก่อน เพราะการเรียนมันคือหน้าที่หลักของหนู การแสดงเป็นแค่ประสบการณ์ หนูต้องทำหน้าที่หลักของหนูให้ดีก่อน แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากัน ซึ่งหนูก็เลือกทางเดียวกันกับคุณแม่”
ตอนที่ได้โอกาสเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงคุณแม่สนับสนุนไหม?
“ตอนที่ได้เข้ามาทำงาน ตอนแรกเข้ามาเป็นผู้ประกาศคั่นรายการก่อน ตอนนั้นเขาเปิดรับสมัครคุณแม่ก็ถามว่าหนูสนใจไหม ซึ่งตอนนั้นหนูอยู่ ม.6 และจะว่าง 6 เดือนหลังจากที่สอบติด ก็เลยมาลองมาหาประสบการณ์ดู ถามอยากลองเข้ามาทำงานในวงการไหมเหรอคะ เอาตรงๆนะคะ ตอนนั้นอยากมีรายได้ อยากหาเงินแล้วก็เข้ามาทำ ไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองจะได้มาเป็นนักแสดง และระหว่างที่เป็นผู้ประกาศคั่นรายการ ก็ได้ลองไปแคสมา 2 รอบ รอบแรกไม่ผ่านและก็ได้มาลองอีกครั้ง
พอได้มาลองแสดงจริงๆเล่นละครเรื่องแรกงงมากๆค่ะ (หัวเราะ) ประมาณว่าทำไมต้องเดินมาแล้วหยุดตรงนี้ มีหลายอย่างมากที่ได้เรียนรู้ ทุกอย่างคือเซ็ตไว้หมดเลย จากที่เป็นคนดูพอได้มาแสดงจริงก็รู้สึกว่ามันยากนะคะ ภายนอกมันดูเหมือนจะสนุก เหมือนจะง่าย ได้แต่งตัวสวยๆ แต่พอได้มาแสดงจริงๆมันใช้พลังเยอะมากๆในการเล่นละครเพื่อที่จะเป็นตัวละครนี้ให้ได้
ต้องขอบคุณการที่ได้เล่นละครเรื่องแรกเพราะทำให้หนูเป็นหนูอย่างทุกวันนี้ เพราะละครเรื่องนั้นหนูต้องโดนทุบตี ร้องไห้ตลอดเวลา ผู้กำกับก็จะสอนเทคนิคในการแสดงว่าจะต้องเล่นยังไง ทำแบบไหน สอนทุกอย่าง จนหนูเป็นงาน ถ้าไม่เจอพี่เขาหนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะเป็นยังไง
พอได้เล่นมาเรื่อยๆ ก็กลายเป็นว่าทำแล้วมีความสุขค่ะ อันนี้เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด แต่ถามว่าอาชีพนี้เหมาะกับหนูไหม ก็ยังคิดอยู่เลยค่ะ เพราะบางทีก็ยังมีคำถามนี้กับตัวเองอยู่ รู้แค่ว่าถ้าเราทำแล้วยังมีความสุขก็น่าจะเหมาะแล้ว หนูชอบการแสดงค่ะ สนุกทุกครั้งที่ได้อ่านบทและเป็นตัวละครนั้น”
คำวิจารณ์ไหนที่ทำให้นอยด์ เสียใจ?
“น่าจะเป็นน้องเป็นนางเอกได้ยังไง ไม่เห็นสวยเลย ก็เสียใจค่ะ แต่ก็ไม่ได้รู้แย่ขนาดนั้น เพราะว่าหนูทำเต็มที่แล้ว ตอนนั้นคิดว่าหนูทำอะไรผิด แต่ก็บอกตัวเองเราก็ได้แค่นี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็เคารพความคิดของเขาที่มองว่าเราไม่สวย ไม่เหมาะ เพราะหนูก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี โฟกัสแค่ตัวเราเอง ถ้าไปโฟกัสกับเรื่องแบบนี้หนูคงเป็นซึมเศร้านอนอยู่บ้านแล้ว
และก็ยังมีคนที่เขาชอบการแสดงของเราอยู่ ก็จะไปโฟกัสกับกระแสบวกมากกว่าค่ะ เวลามีคนติแบบนี้ หนูก็จะเอามาคิด ถ้าเป็นจริงก็ปรับปรุง แต่บางเรื่องสิ่งที่เขาว่ามาไม่ได้เกี่ยวกับการแสดง เกี่ยวกับหน้าตา ซึ่งเป็นอะไรที่เราทำไม่ได้แล้ว ก็ต้องปล่อยวาง มีคนชอบ คนไม่ชอบ มันเป็นเรื่องของสัจจะธรรม ไม่ได้ใสใจกับตรงนั้นมากค่ะ”
เหมือนปล่อยวางและเข้าใจเมื่อได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง?
“ใช่ค่ะ เพราะขนาดดาราหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เราเป็นใคร มันก็ไม่แปลกที่จะมีคนมาว่าและไม่ชอบหนู”
เวลาโดนวิจารณ์ไม่สวย บางคนก็จะลุกขึ้นมาดูแลตัวเองให้สวยขึ้น เราทำไหม?
“ทำค่ะ ออกกำลังกาย บำรุงผิวพรรณ คอยดูแลตัวเอง เข้าคลินิคเพื่อดูแลผิวหน้าบ้าง เพราะเราทำงานตรงนี้ก็ต้องดูแลให้ดีเพราะใช้หน้าตาทำงาน และพักผ่อนน้อยก็ต้องดูแลให้มากขึ้นเป็นพิเศษค่ะ”
มีถูกเปรียบเทียบกับนางเอกเจนฯเดียวกัน?
“หนูขอทำงานให้เต็มที่ ใครจะเปรียบเทียบยังไงก็เคารพสิทธิของเขาที่จะเอาเราไปเปรียบเทียบหรือพูดถึงอย่างไร เราเปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้ มันเป็นเรื่องทั่วไปที่คนเราต้องเจอ ไม่ใช่ดาราก็เจอเรื่องการเปรียบเทียบอยู่แล้ว ทุกคนต้องเจอเหมือนกันหมด ขอมองบวกไม่เอามาใส่ในใจค่ะ”
พอมาเป็นนางเอกแล้วชีวิตเปลี่ยนไหม?
“ทุกอย่างเลยค่ะ ทั้งการวางตัวการเข้าสังคม การที่จะได้รู้จักกับคนเยอะขึ้น ทำให้มุมมองชีวิตความคิดและวิถีการใช้ชีวิตของหนูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนค่อนข้างมาก พอได้เข้ามาอยู่ตรงนี้มันก็สนุกในแบบของมัน ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียค่ะ สำหรับหนูวงการบันเทิงคือวงการมายา ถ้าบางคนเข้ามาแล้วไม่เข้มแข็งพอก็อาจจะหลงเหลิงไปกับแสงสี หรือเงินทอง และชื่อเสียงที่ตัวเองได้รับมา แต่ถ้ามองจริงๆมันก็ไม่ได้เหมือนกับที่หนูคิด การที่จะมาเป็นนักแสดงได้มันต้องใช้ความพยายามจริงๆ มันไม่ใช่แค่ใครก็ได้ที่จะเข้ามาแสดงได้
ตอนที่หนูยังไม่เข้ามาตรงนี้ ตอนดูจากหน้าจอดูมันน่าสนุกจัง ได้แต่งตัวสวยๆ ได้เงินค่อนข้างเยอะ และได้ไปเที่ยวเจอคนเยอะๆ แต่พอได้เข้ามาทำงานจริงๆ มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดทุกอย่าง การไปถ่ายละครมันเหนื่อยมาก ต้องตื่นเช้ามาก ต้องวางแผน ต้องอ่านบท ต้องมีพลังเยอะมากๆกว่าจะถ่ายได้แต่ละฉากก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง และแต่ละเรื่องก็ใช้เวลานานมาก ไม่เคยรู้มาก่อนพอได้มาเล่นถึงรู้ว่าเค้าต้องถ่ายกันเกือบปี เรื่องเงินยอมรับว่ามันโอเคได้ค่อนข้างเยอะ ทำให้สร้างตัวได้เร็วแต่อายุการทำงานในอาชีพนี้อาจจะสั้นกว่าอาชีพอื่น และเงินที่ได้มาก็ได้มาเยอะจริงแต่ก็ต้องใช้เยอะเหมือนกันในการที่อยู่ตรงนี้”
มองเส้นทางการทำงานในวงการบันเทิงไว้อย่างไร?
“หนูไม่ได้หวังว่าจะต้องเป็นนางเอกตลอดไป เขาให้เล่นบทไหนก็เล่น ไม่ได้เลือกเลย ถ้ามีโอกาสและเลือกเล่นได้ก็อยากเล่นบทที่มันเหมาะกับเราจริงๆ เพราะบางทีที่ได้รับโอกาสให้เล่นละครบางเรื่อง แล้วรู้สึกว่าเราไม่ได้อินกับบทนั้นมากขนาดนั้นทำงานก็จะแอบเซ็งๆ นิดนึง ถ้าเจอตัวละครที่อินมันจะทำให้เราทำงานได้สนุกมากๆ หนูอยากให้คนมองว่าเป็นนักแสดงมากกว่าเป็นนางเอกค่ะ ก็อยากจะทำงานไปเรื่อยๆนานๆ”
แล้วเรื่องเรียนแพลนไว้ยังไงบ้าง?
“เรื่องเรียนมีคิดไว้บ้าง แต่ก็ต้องดูว่าจะคุ้มไหมในช่วงนี้ เพราะมันก็จะเสียโอกาสถ้าเรากำลังมีงานเข้ามา ต้องดูก่อนค่ะว่าสถานการณ์มันเป็นอย่างไร ก็มีคิดๆไว้บ้างค่ะ เล็งๆไว้ว่าจะเรียนต่างประ เทศ ตอนนี้ขอทำงานเก็บเงินและดูจังหวะชีวิตก่อนค่ะ ไม่อยากไปเรียนตอนอายุเยอะ แต่ด้วยงาน ด้วยจังหวะชีวิตมันยังไม่ได้ ก็เลยอาจจะพักไว้ก่อน หนูดูไว้หลายสาขามาก แต่ยังไม่เลือก หรืออาจจะเรียนแค่เฉพาะทางไปเลย ไปหาสกิลเพิ่มหรือไปใช้ชีวิตต่อแค่นี้นั้นเองค่ะ”
ล่าสุดได้มาประคู่กับพระเอกดัง “พี่เวียร์”?
“เรื่อง ‘กรงน้ำผึ้ง’ ฟีดแบคก็ดีนะคะ เพราะแฟนๆไม่ได้เห็นพี่เวียร์ (ศุกลวัฒน์ คณารศ) เล่นละครมานาน คนก็มาดูละครพี่เวียร์กัน ก็เลยได้ผลประโยชน์ไปด้วย (ยิ้ม) ส่วนฟีดแบคของหนูก็มีทั้งติและชมค่ะ ซึ่งหนูก็น้อมรับทุกคำติชมค่ะ พอดูตัวเองแสดงแล้วก็รู้สึกพอใจในระดับหนึ่งค่ะ เพราะละครเรื่องนี้ถ่ายช่วงโควิด มันมีเว้นช่วงเลยทำให้เวลากลับมาถ่ายก็คุมความต่อเนื่องยากหน่อย การได้มาร่วมงานกับพี่เวียร์ ครั้งแรกที่รู้ตกใจมาก แต่พอได้มาเจอพี่เวียร์จริงๆพี่เขาน่ารักมากๆ ทำงานด้วยง่าย เพราะพี่เขารู้ว่าทุกคนที่ได้ร่วมงานกับเขาจะเกรงใจ เขาก็พยายามทำตัวรีแล็กซ์เพื่อให้ทุกคนไม่เกร็ง ซึ่งตัวหนูเองตอนแรกก็เกร็งมาก เพราะไม่เคยร่วมงานกับพี่เวียร์มาก่อน แต่พอได้เข้าฉากกันบ่อยๆก็ปรับตัวได้ค่ะ”
ถามเรื่องหัวใจบ้าง ความรักกับ “หนุน” (ชนน์ชนก ชิดชอบ) แฮปปี้ดี?
“ความรักโอเค เรื่อยๆ ไม่มีอะไรค่ะ หลังจากที่มีข่าวกับ “พี่เวียร์” ช่วงนั้นก็มีคนมาเปิดวาร์ปเขา (หัวเราะ) ซึ่งตอนแรกไม่มีคนสนใจเลย แต่พอมีข่าวคนก็รู้กันหมดเลย คือหนูไม่ได้ปิดอะไร พอโดนจับตามองมากขึ้นหนูก็ไม่ได้อะไร และเขาก็ไม่น่าจะเครียดหรือกดดันอะไรค่ะ ตอนที่หนูมีข่าวกับพี่เวียร์ออกไปเขาขำมากกว่า เพราะมันไม่มีอะไร เขาขำที่โดนเปิดวาร์ป แต่ไม่ตกใจ แค่พูดว่ามีเขียนชื่อเขาผิดนะ”
พอเปิดวาร์ปเขาเป็นลูกชายคนมีชื่อเสียง?
“หนูไม่เคยเปิดเผยอะไร แต่ไม่ได้ปิดและมันก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว พอมีข่าวคนก็ให้ความสนใจมากขึ้นแค่นั้นเองค่ะ”
หลายคนมองว่าเป็นดาราเลยคบกับคนมีฐานะ?
“หนูไม่ได้คิดมาก ได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เรารู้จักกันมานานมากๆแล้วค่ะ เลยไม่ได้รู้สึกอะไร เป็นเรื่องที่คนคิดกัน เราเปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้ รู้จักกันมาก่อนที่จะเป็นดาราอีก หนูไม่อยากพูดอะไรมาก แต่ถ้าถามว่ากดดันไหม ไม่นะคะ ไม่ได้กดดันเลยที่เขาเป็นลูกใครมันไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญกับชีวิตของเรา เรื่องอนาคตก็ยังไมได้คุยกัน ต่างคนต่างทำงาน มีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องโฟกัส เหมือนยังมีอะไรหลายๆอย่างที่ต้องให้ความสำคัญก่อน เรื่องความรักตรงนี้ ก็คุยกันไป เป็นกำลังใจให้กันทุกวันค่ะ (ยิ้ม)”
เขาหวงไหมมีแฟนเป็นนางเอก?
“ช่วงแรกๆที่หนูเข้าวงการก็จะมีไม่ค่อยเข้าใจบ้าง ก็มีถามบ้าง แต่พออยู่มาเรื่อยๆ ก็ไม่ได้มีปัญอะไร เพราะเขารู้ว่าหนูเป็นคนนิสัยยังไงและเขาก็เชื่อใจค่ะ ตอนนี้ก็ให้หนูทำงานไม่เคยมาก้าวก่ายหรือยุ่งวุ่นวายหรือทำให้หนูรู้สึกดันต้องรายงานตัวตลอดว่าทำอะไร”
ลัคกี้อินเกมและลัคกี้อินเลิฟ?
“ก็ได้ค่ะ รับไว้ค่ะ (หัวเราะ)”
“เอ๊ะ ศศิกานต์” สุดแฮปปี้คลอดลูกชายคนที่ 2 เผยภาพครอบครัวต้อนรับลูกน้อย
ที่ปรึกษาอนามัยโลกคาด “ฝีดาษลิง” อาจระบาดหนักเพราะ “เพศสัมพันธ์”