“ยูโร ยศวรรธน์” ไม่ทิ้งความพยายาม สู้จนมาถึงวันนี้ ขึ้นแท่น ‘พระเอกมาแรง’

โดย PPTV Online

เผยแพร่

“ยูโร - ยศวรรธน์ ทะวาปี” ปลื้มขึ้นพระเอกมาแรง หลังแจ้งเกิดกับผลงานเรื่องล่าสุด แย้มเรื่องหัวใจ พร้อมเผยสเปกสาว

“ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์” ทุ่มเพื่องาน โกนหัว - ลดน้ำหนัก 17 กิโล ภายในเดือนครึ่ง

ส่องรักคนบันเทิงกับโมเมนต์หวาน “วันวาเลนไทน์”

ชั่วโมงนี้ต้องยกความฮอตให้พระเอกหน้าใสแห่งวิกหมอชิต ยูโร - ยศวรรธน์ ทะวาปี ที่แจ้งเกิดเป็นคลื่นลูกใหม่มาแรงเต็มตัว แถมเสน่ห์ล้นโกยคะแนนความนิยมและขโมยหัวใจแฟนๆทั่วบ้านทั่วเมือง

วันนี้ “พีพีทีวี นิวมีเดีย” จะพาไปพูดคุยกับหนุ่มคนนี้ทั้งเรื่องงานที่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เคยเกือบถอดใจออกจากวงการ แต่เพราะความไม่ท้อทำให้สู้ต่อจนมาถึงวันนี้ที่ถูกยอมรับจากฝีมือและความสามารถ รวมไปถึงล้วงเรื่องหัวใจที่พูดเสียงดังฟังชัดว่า “ผมโสดครับ”

แจ้งเกิดเป็นพระเอกเต็มตัวแล้ว?

“ทั้งตื่นเต้นและกดดันครับ เพราะหลังจากผลงานละครเรื่องนี้ที่มันแจ้งเกิดให้ผมจริงๆ เรื่องต่อไปมันก็จะลำบากผมแล้ว กดดันผมแล้วว่าผมจะสามารถทำได้ดีกว่าเดิมหรือเปล่า จะตกม้าตายหรือเปล่า ผมจะต้องมีความพยายามทำให้ตัวเองมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จะมาอยู่เท่าเดิมไม่พัฒนาก็คงไม่ได้

รู้สึกกดดันเหมือนกันที่คนมองว่าเป็นการแจ้งเกิดพระเอกอย่างเต็มตัว แต่ผมก็จะเต็มที่กับทุกงาน เพราะผมทำการบ้านหนักเหมือนกัน เพราะละครที่เล่น ก็ต้องอินกับตัวละครให้มาก ถึงแม้ผมจะยังไม่เก่ง แต่ถ้าได้คุยกับผู้กำกับและเล่นไปในทิศทางเดียวกัน มันจะทำได้ดี และเรื่องต่อไปผมก็จะทำให้มันดีขึ้นกว่านี้ครับ จะเอาความกดดันมาพัฒนาตัวเองครับ (ยิ้ม) ตอนนี้ผมก็ไปเรียนร้องเพลงเพิ่มด้วย”

ปีนี้เป็นปีทองตั้งแต่ต้นปีเลย กระแสความปังมาแรง?

“ขอบคุณครับ ผมก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นครับ (ยิ้มหวาน) กับกระแส ‘สามีชั่วคืน’ ผมดีใจครับที่แฟนๆชอบ เพราะผมคาดหวังกับเรื่องนี้มากๆ เพราะว่าตอนที่เราถ่ายทำผมก็คาดหวังว่ามันจะดี แต่กระแสดีเกินกว่าที่ผมคาดเอาไว้เยอะมากจริงๆ และต้องยอมรับว่าละครเรื่องนี้ทำให้คนรู้จักผมเยอะมากขึ้น (ยิ้ม) และชื่นชอบในตัวละครที่ผมแสดง รู้สึกชื่นใจมากๆเลยครับ”

หวานรอบกรุง! “เบส คำสิงห์” เซอร์ไพรส์วาเลนไทน์ “ตงตง” ให้ของขวัญชิ้นใหญ่

คนชมฝีมือการแสดงว่ามีพัฒนาการทางด้านการแสดงดีขึ้น?

“(ยิ้ม) ขอบคุณครับ เป็นการบ้านที่หนักมากๆสำหรับผม เพราะเป็นละครแนวดราม่า และผมไม่เคยเล่นมาก่อน ซึ่งมันค่อนข้างที่จะยากและท้าทายสำหรับผมมากๆ เพราะที่ผ่านมาผมเล่นแต่แอ็คชั่น เวลามีซีนอารมณ์จะเป็นการออกอาวุธหรือเล่นบู๊มากกว่า แต่พอมาดราม่าจริงๆผมก็ได้พัฒนาตัวเองเพิ่มขึ้นอีกเยอะด้วย

กับการร้องไห้เอง ก่อนหน้านี้ผมร้องไห้ไม่ได้นะ แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ มันอินมากๆเลย น้ำตาเลยมาไม่ยาก แต่ไม่ถึงกับขั้นสั่งได้ (ยิ้ม) ผมคิดว่าคำว่าร้องไห้มันไม่ได้ยาก มันไปยากที่ความรู้สึกข้างในมากกว่า ร้องไห้น้ำตาไหลแต่ความรู้สึกข้างในไม่ใช่ คนดูก็รู้ครับ และอย่างตัวละครนี้ “พี่เติ้ล” (ตะวัน จารุจินดา) จะคุยกับผมตลอดว่าเป็นอย่างไร เป็นการสอนที่ดีนะครับ เพราะทำให้เป็นตัวละครที่สมบทบาทมากยิ่งขึ้น และพอมีคนเห็นตรงจุดนี้ผมก็รู้สึกดี ซึ่งผมเองก็อยากจะเรียนรู้เพิ่มเติมและอยากจะพัฒนาตัวเองมากขึ้นไปอีกกว่านี้ครับ”

เรื่องการดูแลหุ่นก็ทุ่มเทเต็มที่?

“(หัวเราะ) ก็มีซีนถอดเสื้อเยอะเหมือนกัน แต่ผมก็เขินมากเลยนะ (ยิ้มเขินๆ) บางซีนในบทไม่มีเลย แต่ก็ต้องถอดเสื้อ แต่มันก็ปั้มได้ระดับนึงๆ ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า ถ้ามีโอกาสได้เล่นละครเรื่องต่อไป ผมจะต้องมีซิกแพค ซึ่งตอนนี้ผมกำลังเทรนด์อย่างจริงจัง คือมันก็ดีกับตัวผมด้วย เพราะตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยมีซิกแพคเลยนะ แต่ครั้งนี้แหละ อายุ 25 ปีแล้ว มันจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ของผมครับ ผมจริงจังกับเรื่องสร้างซิกแพคมาก (หัวเราะ) มันดีต่อสุขภาพและก็ได้เรื่องงานด้วยครับ”  

จุดริ่มต้นในวงการ “ยูโร” เข้ามาทำงานตรงนี้ได้ยังไง?

“ผมเข้ามาในวงการได้เพราะผู้จัดการส่วนตัวเห็นจากเฟซบุ๊กครับ แล้วเขาก็ทักผมมาว่าสนใจมาเป็นนักแสดงไหม เพราะทางช่องเปิดออดิชั่นรับนักแสดง พอเข้ามากลัวเหมือนกันนะ เพราะช่วง 4-5 ปีที่แล้วมีข่าวเรื่องผู้จัดการดาราออกมา กลัวว่าจริงหรือเปล่า แต่ผู้จัดการฯผมเขาก็มีนักแสดงที่เขาดูแลคือ “เข้ม หัสวีร์” แล้วก็เป็นนักแสดงใหม่ของช่องด้วยในตอนนั้น ผมเลยคิดว่าเขาไม่น่าจะหลอกแล้วแหละ ก็เลยเข้ามาออดิชั่น ก็ไม่คิดว่าจะได้ แต่พอผ่านไป 2-3 อาทิตย์เขาก็ติดต่อกลับมาว่าได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงช่อง ก็ได้เข้ามาทำงานตรงนี้

จริงๆผมเองฝันอยากเป็นนักแสดงตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้ว เห็นดาราในทีวีอยากเป็นแบบเขาบ้าง การที่จะได้มาเป็นดาราต้องไปเดินสยาม ต้องมีแมวมองมาเจอถึงจะมีโอกาสได้เข้าวงการ ก็เลยคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เป็นดาราหรอก ก็เรียนไปเรื่อยๆไม่คิดอะไร พอมีโอกาสเข้ามาจริงๆก็เลยรับไว้”

เราเป็นดาวเด่นที่อุดรฯไหม?

“ไม่ได้ฮอตขนาดนั้นครับ ก็ปกติทั่วไปครับ (รุ่นพี่สุดฮอตของรุ่นน้อง?) ก็อาจจะประมาณนั้นครับ นิดนึงๆ (หัวเราะ)”

“ตูมตาม ยุทธนา” คุกเข่าขอ “อาหลี” แต่งงาน สวมแหวนตีตราจอง

พอเข้ามาเป็นนักแสดงก็มีผลงานมาเรื่อยๆ แต่อาจจะยังไม่ถูกพูดถึง แต่ผลงานล่าสุดเปรี้ยงมาก ในระหว่างทางก่อนหน้านี้มีความท้อกับการทำงานในวงการไหม?

“สำหรับผมดีใจที่มีคนรู้จักขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าผมมีโอกาสได้เล่นเป็นคู่รองจากนักแสดงที่มีชื่อเสียงมากๆอย่าง “พี่เวียร์ ศุกลวัฒน์” , “พี่ไมค์ ภัทรเดช” ซึ่งก็ได้เป็นคู่สาม คู่สอง ค่อยๆเลื่อนขึ้นมา แต่ในความเป็นตัวนักแสดงนำเราก็ได้ไปเรียนรู้วิชาของรุ่นพี่มาด้วย และได้ฐานแฟนคลับของพี่ๆมาด้วยในระดับนึงเหมือนกัน จากที่เป็นเด็กบ้านนอกธรรมดา พอวันนึงได้มาเป็นนักแสดง ได้มีคนรู้จักเพิ่มขึ้นก็ดีใจมาตลอดเหมือนกัน ก็ไม่เคยท้อครับ (ยิ้ม)

ถ้าท้อก็คงจะเป็นเรื่องของการแสดง มันมีช่วงนึงที่ช่วงแรกหรือประมาณปีสองปีแรก เป็นความรู้สึกที่รู้สึกแย่มากๆ เพราะว่าผมไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน อยู่ๆก็ได้รับโอกาสมาเป็นนักแสดงมันค่อนข้างยากเหมือนกันกับการที่จะเป็นตัวละครในแต่ละตัว และแสดงออกมาค่อนข้างที่จะแข็งมากๆ ผมรู้สึกนะว่าผู้กำกับว่าผมแล้วแต่ผมทำให้เขาไม่ได้ ก็รู้สึกท้อเหมือนกัน คือผมอยากทำให้ได้ ผมตั้งใจ แต่ผมว่าการที่จะหลุดออกมาเป็นนักแสดงแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ มันก็ยาก ผมก็ยังมีบางซีนที่ยังเล่นแข็งอยู่ในบางอารมณ์ ตอนนั้นนั่งดูผลงานตัวเองก็เขินมากๆ แต่ว่าผมก็ดูละครที่ตัวเองเล่นทุกเรื่อง ทุกตอน ผมอยากเก็บเอาข้อผิดพลาดในแต่ละเรื่องมาพัฒนา มันก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ว่าประสบการณ์ก็ทำให้เราได้รู้ว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วไม่ใช่ ก็ต้องไปทำการบ้านเพิ่มครับ”

ในช่วงที่การแสดงเราอาจจะยังไม่ดี ตอนนั้นเราผลักตัวเองยังไง?

“ผมโทร.หาคุณแม่ก่อนเลย อยากกลับบ้าน คือช่วงนั้นน่าจะเป็นละครเรื่องที่ 3-4 ที่ผมรู้สึกแย่ เมื่อก่อนช่วงแรกๆโดนว่าด้วยความที่เป็นคนเฮฮาก็ยังมีฟีลสนุก พอโตขึ้นเริ่มจริงจังมันเป็นอาชีพแล้ว ประมาณเรื่องที่ 3-4 เริ่มกระทบจิตใจ พอมีผลงานออกไป คนดูหรือแม้กระทั่งเพื่อนๆหรือใครก็ตามมาพูดกับเรา ตอนนั้นก็ยิ้มให้เขานะ แต่ก็มาพูดกับตัวเองว่าทำไมทำได้แค่นี้ พอไปกองถ่ายก็รู้สึกว่าทำไมเราทำได้แค่นี้

ก็รู้สึกแย่มากๆจนต้องโทร.ไปหาแม่ว่าไม่ทำแล้วได้ไหม แต่ขอทำงานให้จบก่อน ซึ่งผมว่าการเคี่ยวผมในตอนนั้นดีนะครับ ทำให้ผมมีผลงานออกมาได้ดี แต่เขาเคี่ยวแล้วแต่ผมไม่สามารถทำให้ได้ มันดาวน์มากจริงๆ ซึ่งตอนนั้นคุณแม่ท่านก็บอกว่าจะทำต่อก็ทำ หรือจะกลับบ้านก็กลับมา ถ้าไม่ไหวจริงๆแม่ก็ให้กลับ เพราะท่านก็อยู่ต่างจังหวัด ท่านคงไม่อยากเห็นลูกนอยด์ เสียใจ ฟีลว่าถ้าไม่ไหวก็กลับมาหาแม่ได้นะลูก

แต่ระหว่างนั้น ก่อนที่จะถ่ายจบผมก็ไปคุยกับผู้กำกับว่าผมรู้สึกแย่ผมทำตามที่บทละครส่งมาให้ไม่ได้ ก็คุยกันพักใหญ่ แล้วก็มีไปเรียนการแสดงและอะไรต่างๆเพิ่มเติม จริงๆมันอยู่ที่ประสบการณ์ด้วย พอหลังเราเริ่มหาจุดที่เป็นข้อบกพร่อง ข้อเสีย และจุดที่ยังอ่อนอยู่ ก็เจาะว่ามันคืออะไร ก็ลิสต์ไว้ และต่อไปก็เน้นตรงนั้นว่าทำยังไงให้เป็นธรรมชาติ ที่ไม่ใช่ธรรมชาติแบบต้นไม้ ให้มันเป็นตัวละคร ซึ่งพอเริ่มพัฒนาขึ้น ได้รู้วิธีการแสดง ได้รู้ความรู้สึกของบทจริงๆว่าความเรียลเป็นยังไง ตัวละครคิดยังไง ผมก็ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นในแต่ละเรื่อง”

“เนย ปภาดา” เผยข่าวดีต้อนรับวันแห่งความรัก เตรียมเป็นว่าที่คุณแม่ป้ายแดง

ขอบคุณตัวเองยังไงที่ไม่ท้อในวันนั้น และผ่านมาจนมาถึงวันนี้ได้?

“ก็ขอบคุณหลายๆอย่าง คนรอบข้างด้วยครับ และก็ขอบคุณโอกาสที่ได้เล่นสามีชั่วคืนทำให้ผมมีความสามารถเพิ่มขึ้น และเป็นผลงานที่หลายๆคนๆได้เห็นและชื่นชอบ และทำให้ผมไม่ท้อแล้ว แต่ทำให้ผมอยากทำผลงานต่อๆไปให้ดีขึ้นเรื่อยๆครับ”

หลายคนอาจจะมองว่าเรารุ่นเดียวกับ “เข้ม หัสวีร์” แต่เพื่อนเราไปก่อนแล้ว พอมีการเปรียบเทียบ กดดันไหม?

“ไม่ครับ ถ้าพูดจริงๆ “เข้ม” เข้ามาก่อนผมและมีโอกาสได้เป็นพระเอกก่อนผมตั้งแต่เรื่องแรก แต่ด้วยความที่เราสนิทกันมากๆ แล้วเขาก็ซัพพอร์ตผมตลอดนะ เข้มเป็นพระเอกที่มีคนชื่นชอบมากๆในระดับนึงเลย แต่เขาก็ไม่เคยทิ้งผมครับ เขาช่วยตลอด คอยสนับสนุนผมตลอดในทุกๆเรื่อง ผมไม่เคยรู้สึกว่าเราอ่อนกว่าเขาหรือเราแย่ คือเราไม่แข่งกันครับ ถ้าสมมติว่าวันนึงผมมีเรื่องชื่อเสียงมากขึ้น ผมก็จะไม่แข่งกับเพื่อนเหมือนกัน คือตอนนี้เป็นเหมือนญาติกันไปแล้ว ก็เจอกันแทบจะทุกอาทิตย์ครับ”

เป้าหมายในวงการ “ยูโร” ตั้งไว้ยังไง?

“ตอบยากเหมือนกันนะครับว่าจุดมุ่งหมายในชีวิตคืออะไร ผมคิดว่าคือการเป็นนักแสดงที่เล่นได้ทุกบทบาทที่ได้รับมา ผมว่าผลงานตรงนี้แหละจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายที่เราไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ผมอยากเล่นได้ทุกบทบาท แล้วก็ทุกโอกาสที่เข้ามาให้เต็มที่”

ถามเรื่องหัวใจบ้าง ตอนนี้โสดไหม?

“ผมโสดครับ”

สเปกเราชอบผู้หญิงแบบไหน?

“ผมชอบคนยิ้มสวย หวานๆ น่ารักๆ และชอบผู้หญิงที่อายุเยอะกว่า เพราะผมเป็นคนขี้อ้อน ผมเป็นสายน่ารัก ผมเป็นสายมุ้งมิ้ง ถ้าเป็นคนที่อายุมากกว่า ผมก็จะสามารถทำแบบนี้ได้ แต่ถ้ามีแฟนที่อายุน้อยกว่า ผมก็ต้องเป็นผู้นำ ซึ่งผมไม่ใช่สายนี้ (ยิ้ม)”

กับ “พิ้งค์พลอย” แฟนๆจิ้นหนักมาก?

“ผมรู้สึกดีนะที่คนชอบคู่ของเรา แฟนๆให้การซัพพอร์ตเป็นอย่างดี ผมดีใจกับกระแสชื่นชอบจากแฟนๆ แต่ผมกับ “พิ้งค์พลอย” เราคือเพื่อนกัน (ยิ้ม) อนาคตก็ยังไม่รู้ แต่ตอนนี้คือเพื่อนกันครับ ผมเขินนะ (ยิ้ม) แต่ไม่มีอะไรๆ”

นอกจอดูสนิทกันด้วย?

“ผมกับ “พิ้งค์พลอย” เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆครับ คุยกันได้ตลอด ช่วงที่ถ่ายเราก็คุยกัน เล่นกัน เขาเป็นผู้หญิงที่เข้าถึงง่ายแล้วก็น่ารัก เราเลยสนิทกันได้ง่าย และเราก็ถ่ายทำกันนานด้วย ยิ่งทำให้เราสนิทกัน แล้ววัยก็ใกล้ๆกันด้วย เลยทำให้สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ถามว่ามีลุ้นไหม ก็รอลุ้นกันไป เป็นเรื่องของอนาคตครับ (ยิ้ม)”

“พิ้งค์พลอย” ตรงสเปกไหม?

“(ยิ้มเขิน) พิ้งค์พลอย ก็น่ารักดีครับ”

วันนี้มีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น?

“ขอบคุณทุกคนมากๆครับ (ถูกแซวโดนตกเพราะความหล่อ อยู่ต่อเพราะความแปลก?) ใช่ๆ อันนี้ผมก็เห็น (หัวเราะ) แฟนคลับผมมีเพิ่มเยอะมากๆจากที่เขาได้ดูผลงานเรื่องนี้ มีมากดติดตามอินสตาแกรมเพิ่มขึ้น มาดูไลฟ์มากขึ้น แล้วผมเป็นคนไลฟ์บ่อยมากๆ แล้วคือคนละคนกับในทีวีเลย หลายๆคนอาจจะไม่เคยเห็นพระเอกแนวนี้ๆ (หัวเราะ) ขอบคุณที่ชื่นชอบและซัพพอร์ตผมนะครับ แล้วมีโอกาสไว้เจอกันนะครับ (ยิ้มหวาน)”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ