“มารีน่า” สะสมชั่วโมงบินด้วยตัวเอง 12 ปีค่อยๆเติบโตในวงการ ไม่กังวลถูกโฟกัสน้องสาว “มาร์กี้”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“มารีน่า - ศดานันท์ บาเล็นซิเอก้า” เปิดใจ 12 ปีในวงการ ค่อยๆเติบโตและเรียนรู้ เพลง-งานแสดงคือแพชชั่น ไม่กังวลถูกโฟกัสน้องสาว “มาร์กี้ – ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์” สะสมชั่วโมงบินและพยายามด้วยตัวเอง

ลูกไม้ใต้ต้น! “อีตั้น” ลูกชาย “หมิว ลลิตา” เดินแบบแฟชั่นโชว์แบรนด์ดังระดับโลก

“มาร์กี้” มั่นใจ “มารีน่า” ผ่านดราม่าเปรียบเทียบ “ริชชี่” ได้

เป็นอีกหนึ่งสาวมากความสามารถที่ไม่ว่าจะในบทบาทนักร้องหรือนักแสดง ก็ทำออกมาอย่างดีอย่างไร้ข้อกังขา สำหรับ มารีน่า - ศดานันท์ บาเล็นซิเอก้า น้องสาวของ มาร์กี้ – ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ ที่แม้จะถูกมองว่าเดินตามรอยพี่สาวเข้าวงการ แต่สาวคนนี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าการมายืนจุดนี้ตลอดระยะเวลา 12 ปี ทุกอย่างมาด้วยความพยายามและฝีมือของตัวเอง

ล่าสุด พีพีทีวี นิวมีเดีย มีโอกาสได้พูดคุยกับ “มารีน่า” ก็ยิ่งทำให้รู้ว่าเธอคนนี้มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง จนไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงเป็นขวัญใจของแฟนๆ 

ช่วงนี้ “มารีน่า” ทำอะไรอยู่บ้าง?

“ตอนนี่ก็มีซีรีส์ แล้วก็จะทำเพลงค่ะ (ยิ้ม) คือก็แล้วแต่จังหวะมากกว่าค่ะ อย่างช่วง 2 ปีที่ผ่านมาด้วยโควิดทำให้เราหยุดทำงานเพลงส่วนตัวไปเลย เพราะว่าทุกคนก็หยุดหมด เราก็มีซีรีส์กับละครเข้ามา มันเป็นช่วงจังหวะของชีวิตที่ทำให้เราเอาเวลาทั้งหมดไปทุ่มเทกับการแสดง และก็โชคดีอีกที่ซีรีส์เรื่อง WANNABE (ฝัน-กล้า-บ้า-ดัง) ทาง VIU เกี่ยวกับเพลง ระหว่างนั้นเราก็ยังเข้าห้องอัดและสตูดิโออยู่ตลอด ได้เขียนเพลงตลอด และยังได้เอ็นจอยความรู้สึกในการทำตรงนี้ เลยคิดว่าปีนี้น่าจะกลับไปโฟกัสที่เพลง เราต้องทำอะไรสักอย่างแล้วค่ะ รอไม่ได้แล้ว (หัวเราะ)”

เพลงกับแสดงรับคู่กันไหมหรือทีละอย่าง?

“ถ้าเพลงก็จะเป็นเพลงเลยค่ะ คือจริงๆน่าเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 14 จนตอนนี้ก็ 12 ปีแล้วค่ะ ถ้าให้มองย้อนกลับไปวันแรกเราก็เอ็นจอยกับมันเยอะขึ้นเลยค่ะ เพราะตอนแรกเราก็กลัวนิดนึงเพราะว่าเราไม่แน่ใจว่าเราชอบอะไรกันแน่ เรากำลังค้นหาตัวเองอยู่ และ 12 ปีที่ผ่านมามีประสบการณ์หลายอย่าง เล่นละครเราก็ได้เป็นตัวละครต่างๆไม่ได้เล่นบทที่ซ้ำกัน มีโอกาสได้ทำอะไรที่แตกต่างกันไปตลอด ได้ทำอาชีพที่ไม่เหมือนเดิม ได้แสดงอารมณ์ก็สนุกนะคะ เป็น 12 ปีที่สนุกแล้วก็เรียนรู้อะไรกับมันเยอะ และทำให้เรามีความรับผิดชอบและก็เป็นเราอย่างทุกวันนี้ค่ะ

ถามว่าวงการเปลี่ยนอะไรน่าบ้าง ก็ทำให้น่าโตเร็วขึ้น เพราะว่าเราต้องรับผิดชอบตัวเองตั้งแต่เด็ก คือคุณแม่ถ้าเราโตแล้ว หาเงินได้แล้ว ก็ต้องดูแลตัวเองเลย ช่วงมหาวิทยาลัยก็ทำงานหาเงินเรียนเอง ตั้งแต่อายุ 18 ก็ดูแลตัวเองมาตลอด คุณแม่ก็จะคอยดูแลจัดการเรื่องเงินให้ทุกอย่าง แต่ว่าเราก็ต้องดูแลตัวเองให้ได้ ซึ่งคุณแม่อยากจะสอนเรื่องความรับผิดชอบ มันก็เวิร์กจริงๆนะคะ เพราะมันทำให้เราจัดการชีวิตได้ค่อนข้างโอเค ถ้าเทียบกับเพื่อนคนอื่นๆที่โตมาด้วยกัน เราจะมีความจัดการตัวเองได้เร็วกว่าคนอื่น”

พอได้ทำทั้งร้องเพลงและแสดงบาลานซ์มันยังไง?

“ก็ไม่ได้มีวิธีนะคะ มันเป็นไปตามธรรมชาติของมันค่ะ เพราะพอมีโอกาสการแสดงเข้ามาเป็นบทที่เรารู้สึกชอบแล้วเหมาะกับตัวเรา ท้าทาย เราก็เลยลุยและทำมันอย่างเต็มที่ อย่างจบโปรเจ็กต์นึงถ้าเกิดมีอันอื่นเข้ามา ถ้าเราชอบเราสนใจจริงๆก็ทำต่อ หรือถ้าเกิดช่วงจังหวะเบรกเราก็กลับไปหาแรงบันดาลใจของเพลง ก็ไม่ได้แพลนไว้ขนาดนั้นค่ะ มันจะเป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่าว่าเราคิดถึงมันมากแค่ไหน ถ้าเราคิดถึงมันมากจริงๆเราก็อาจจะ โอเคเราจะให้เวลาตรงนี้จนถึงช่วงนี้ แล้วก็กลับไปหามัน”

จริงๆตอนนี้ “มารีน่า” มีติดสัญญาที่ไหนไหม?

“ไม่มีค่ะ เป็นนักแสดงอิสระ ส่วนเพลงก็เป็นอิสระแล้วเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดมีอะไรก็ยังให้ทางเขาช่วยอยู่ แต่ด้วยความที่เราที่ผ่านมาไม่ได้ทำเลยไงคะ (ยิ้ม)”

ช่วงแรกๆที่เข้ามาในวงการเรากังวลเรื่องอะไร?

“น่าว่าเด็กทุกคนที่เข้ามาในวงการจะกังวลว่าเรายังทำไม่ดีพอหรือเปล่า กังวลว่าคนจะมองเรายังไง จะคิดอะไร คือมันกังวลไปซะหมดค่ะ แต่ว่าตอนนี้เราโฟกัสที่งานและเรารู้สึกมีความสุขกับการทำงาน กับตอนนั้นที่เราแค่คิดว่าเราจะยังไงต่อ ด้วยความที่ยังเด็กมั้งคะ แล้วเราเด็กมากเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่คนอื่นๆที่ทำงานด้วยกัน”

เรากังวลกับการถูกโฟกัสว่าเป็นน้องสาวของ “มาร์กี้ ราศรี” หรือการเปรียบเทียบกับพี่ไหม?

“ไม่มีเลยค่ะ เพราะน่าเองก็แคสติ้งมาเยอะมาก บริษัทแคลสติ้งคงเบื่อหน้าน่าในตอนนั้น (หัวเราะ) เรื่องกังวลเทียบกับพี่กี้ ไม่กังวลนะคะเพราะน่าเข้าวงการหลังพี่กี้นานเหมือนกัน แล้วเราก็ไม่ได้อยู่เจนฯใกล้กัน บวกกับที่บ้านเราไม่กังวลเรื่องนี้และเราต่างรู้ดีว่าเราเป็นครอบครัว ถ้าความกังวลก็จะมีแค่ว่าถ้าเราทำไม่ดีแล้วมันจะสาวไปถึงพี่เราไหมมากกว่า เราเลยรู้สึกว่าต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าไปที่กองแล้วทำตัวอะไรไม่รู้แล้วคนไปฟ้องพี่ อันนี้น่ากลัวมากกว่า อะไรก็ได้แต่อย่าไปฟ้องพี่หนูก็พอ

พี่กี้ดุนะคะ ตอนเด็กดุกว่าแม่อีก (หัวเราะ) และด้วยความที่เขาเข้าวงการมาก่อนก็คงเห็นอะไรหลายๆอย่างที่พอรู้ว่าน้องจะต้องเจอ ก็เลยไม่อยากให้เครียด เขาให้มีให้คำแนะนำทริคของการแสดง และเขาก็รู้ว่าการอยู่ในวงการมันเป็นงานหนักและงานเหนื่อย ก็จะบอกว่าเจอมาแล้วเหมือนกัน ก็เลยจะทำให้น่ารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เจออะไรแบบนั้นคนเดียวนะเพราะทุกคนเจอ ก็เลยจะทำให้แชร์กับคนอื่นได้ เหมือนฟีลว่าอยู่โรงเรียนเดียวกัน”

ก่อนที่จะเข้าวงการ พี่สาวมีส่วนร่วมในการตัดสินใจไหม?

“ไม่มีค่ะ เพราะคุณแม่ก็ดูแลมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว ส่วนน่าเองก็ไม่ได้ตัดสินใจปุ๊ปปั๊ปว่าต้องเข้าวงการเลยนะ คือค่อยๆมากกว่าค่ะ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ก็มีถ่ายแบบบ้าง เดินแบบบ้าง มันเหมือนว่าได้ทำงานมากขึ้นๆก่อน แล้วก็มาทำเต็มตัวโดยที่ไม่ได้แพลนไว้ มีโอกาสเข้ามาก็รับไว้ จนกระทั่งเราสามารถทำงานตรงนี้เป็นงานหลักได้เลยค่ะ 12 ปีในวงการมันดูเหมือนนานแต่จริงๆแป๊ปเดียวค่ะ”

แพลนอะไรในอนาคตกับงานตรงนี้ไว้ไหม?

“ก็คงเพลงค่ะ ที่คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทุ่มกับมันมากกว่านี้ แต่ไม่ได้แพลนว่าจะต้องไปถึงจุดไหน แต่ว่าอยากก้าวเข้าไปทำเพลงภาษาอังกฤษและตั้งเป้าว่าอยากทำเพลงที่เป็นตัวเองมากที่สุด ถามว่าจะมีโอกาสไปอยู่กับค่ายอินเตอร์ไหมเหรอคะ ก็ต้องรอดูโอกาสค่ะ เพราะน่าว่าตอนนี้ทุกอย่างมันเปิดมากขึ้น รอดูค่ะว่าโอกาสในอนาคตจะมีอะไรบ้าง ยังไม่ได้แพลนไว้ขนาดนั้น เพราะทุกอย่างมันเปลี่ยนเร็วมากตลอดเวลา แต่รู้แล้วว่าเราคิดถึงการทำเพลงเหลือเกินและต้องกลับไปทำ ปีนี้ก็น่าจะได้เห็น กำลังพยายามอยู่ค่ะ”

กับงานแสดงล่ะ?

“ก็ยังไม่ได้มีโกลขนาดนั้น หนูไม่ได้วางแผนอนาคตเลย (หัวเราะ) คือไม่อยากจะเครียดจนเกินไป อยากจะโฟกัสเป็นจุดๆ เป็นโปรเจ็กต์ไป แต่ถามว่าถ้าเกิดมันต่อยอดไปได้เรื่อยๆก็ดีค่ะ มันเป็นแพชชั่นของเราอยู่แล้ว แต่ว่าอย่างที่บอกว่าพอไม่ได้ทำเพลงมานานแล้ว ด้วยความที่ไม่อยากทำอย่างละครึ่งเพราะกลัวทำไม่ดีทั้งสองอย่าง ก็เลยอยากจะให้เวลากับเพลงมากขึ้นและลดทางการแสดงลง แต่ก็อาจจะอีกว่าถ้าในอนาคตมีอะไรเข้ามาอีกเราก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง เราจะพูดว่าไม่เอาแล้วแต่สุดท้ายพอมีโอกาสเข้ามาเราก็จะใจอ่อนตลอดเลย เพราะเราชอบทั้งสองอย่างจริงๆค่ะอย่างโจทย์ของการรับงานแสดงต้องเป็นตัวละครที่น่าสนใจ เรื่องราวที่น่าสนใจ ไม่ได้ฟิกซ์ว่าจะต้องเล่นเป็นตัวนี้ๆ แต่ขอให้เป็นอะไรที่สนุก น่าสนใจ ท้าทาย

อย่างซีรีส์ WANNABE (ฝัน-กล้า-บ้า-ดัง) ตัวน่าเองก็ภูมิใจกับเรื่องมากๆ และรู้สึกว่ามันเปิดมุมมองในโลกของดนตรีให้ทุกคนรับชม ได้เข้าถึง บางครั้งเราอาจจะได้ยินว่าแร็ปเปอร์เป็นแบบนั้น แบบนี้ สบายจังเลยขึ้นเวทีแป๊ปเดียวก็ได้เงินเยอะ แต่จริงๆเราไม่รู้เลยว่ากว่าเขาจะมาถึงตรงนี้ต้องอะไรมามากน้อยแค่ไหน แล้วก็มีอีกกี่คนที่เก่ง ขยัน มีความสามารถ แต่ว่ามาไม่ถึงจุดนี้เพราะเหตุผลใดๆ เป็นอาชีพที่หลายๆคนน่าจะให้ความสนใจ อยากรู้ว่าเป็นยังไง การได้ดูซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้เห็นุมมมองและเข้าใจว่าเบื้องหลังวงการที่สวยงามเป็นยังไงบ้าง แล้วกับคาแร็กเตอร์นี้ก็เป็นมนุษย์มากที่สุดตั้งแต่น่ารับงานแสดงมาเลยค่ะ เลยรู้สึกดีใจที่เรามีโอกาสได้มาถ่ายทอดตัวละครนี้ และเรื่องนี้ได้ร่วมงานกับ “นนกุล (ชานน สันตินธรกุล) ก็ดีใจค่ะ คือได้ยินชื่อเสียงเขามาเยอะอยู่แล้วเรื่องความขยัน ความตั้งใจ ซึ่งเขาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ อยากให้ทุกคนได้ติดตามกันนะคะ”  

อยู่ในวงการแน่นอนว่าอาจจะเจอกับเรื่องลบๆบ้างหรือเจอคอมเมนต์แย่ๆเราทำยังไง?

“น่าว่าน่าโชคดีที่ชีวิตไม่ค่อยมีอะไร ก็จะมีอยู่ช่วงเดียวซึ่งเราไม่ต้องออกมาพูดด้วยซ้ำเพราะมันเป็นข่าวอะไรก็ไม่รู้ค่ะ มันไม่เกี่ยวกับหนู แค่มีชื่อหนูอยู่ในนั้น อาจจะเป็นอย่างนั้นด้วยมั้งเลยไม่เครียดไม่อะไร เราไม่ได้เจอดราม่าหรือทำอะไรผิดพลาดแล้วต้องออกมาขอโทษ เราเป็นคนที่คิดก่อนทำพอสมควรเลย เพราะฉะนั้นเราว่าไตร่ตรองแล้วก่อนจะทำโน่นทำนั่น เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมันพลาดขึ้นมาจริงๆก็คงจะทำใจยอมรับได้ แต่ขอให้ไม่มีดีกว่าค่ะ (ยิ้ม)”

เป็นคนไม่เครียดอยู่แล้วหรือมีวิธีจัดการตัวเองยังไง?

“ก็ปกติที่ว่าจะมีเรื่องที่โอเค ไม่โอเค แต่ว่าเราไม่คิดเยอะ ถ้าอันไหนที่ไม่โอเคก็จะพูดเลยแต่จะพูดด้วยเหตุและผล ไม่ชอบปะทะอะไรอยู่แล้วค่ะ ถ้าไม่สบายใจก็จะพูดไม่อยากเก็บไว้ แต่ถ้าอันไหนที่เราเข้าใจก็จะปล่อยง่ายมากไม่เก็บมาไว้กับตัวเอง และน่าว่ายิ่งช่วงที่ผ่านมามีเวลาอยู่กับตัวเองเยอะ มันทำให้เราเข้าใจวิธีจัดการความรู้สึกของเรา เรื่องงานเวลาเจออุปสรรค เหนื่อย ท้อ ก็แยกแยะว่ามันคือส่วนของการทำงาน มันคือวันที่แย่แต่ไม่ใช่ชีวิตที่แย่ วันพรุ่งนี้ก็เริ่มต้นใหม่ แต่ถ้าอันไหนที่มันค้างคาอยู่ก็แก้แล้วก็โฟกัสต่อ เอาเวลาทั้งหมดมาโฟกัสตัวเองและพัฒนาตัวเองค่ะ”

ขออัปเดตเรื่องความรักหน่อยเป็นยังไงบ้าง?

“แฮปปี้ดีค่ะ (ยิ้ม) คบกันมาเข้าปีที่ 4 แล้วค่ะ ก็ไม่ค่อยได้ลงรูปในไอจีมากเท่าไหร่ เพราะน่าคิดว่าคนที่ติดตามก็คงอยากจะเห็นน่ามากกว่า ก็เลยเป็นเรื่องของงาน เรื่องตัวเอง แต่ก็มีให้เห็นบ้างค่ะๆ (หัวเราะ) คือก็ไม่ได้ปิดอะไรตั้งแต่แรกแล้ว เราแฮปปี้กับคนนี้แล้วเขาก็เข้ากับครอบครัวเราได้ซึ่งสำคัญมาก และเขาก็เข้ากับเพื่อนเราได้ด้วย เป็นคนดีค่ะ”

มีแพลนอนาคตกันบ้างหรือยัง?

“จริงๆก็อยากจะโฟกัสที่งานก่อน ด้วยความที่สถานการณ์โควิดที่ผ่านมาหลายอย่างมันอั้นด้วย แต่ถ้าถามว่าคนนี้แฮปปี้ไหมก็คงคนนี้ค่ะ แล้วเราก็โอเคกับคนนี้แล้ว ส่วนคุณแม่ก็โอเค สนิทกับเขาอยู่แล้ว แต่แม่ก็ไม่ค่อยถามเท่าไหร่ ตอนนี้จะถามถึงหลานอย่างเดียว (ลูกฝาแฝดของมาร์กี้) ถ้าถามก็จะถามว่า ยังโอเคใช่ไหม แฮปปี้ใช่ไหม ก็เหมือนเช็คปกติรวมถึงเรื่องงานด้วยค่ะ”

เขาหวงเราไหม เวลาเล่นละครมีฉากเลิฟซีน?

“ไม่หวง แต่ไม่ดูค่ะ (หัวเราะ) เขาเข้าใจว่าเราทำงานตรงนี้ แล้วทำตรงนี้มา 12 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นเขาก็รู้ค่ะ แต่ก็ไม่ได้ถามเขานะว่าแอบไปดูมาหรือเปล่า (หัวเราะ) ก็ไม่ต้องบอกเขานะว่ายูไอเล่นฉากเลิฟซีนนะคะ เผลอๆไปบอกเขาจะถามด้วยว่าบอกทำไม เขาก็มีพื้นที่ให้เราค่ะ (ยิ้ม)”

ขอบคุณ IG marinaemmb

เปิดใจครูทราย ดาว TikTok สอนภาษาอังกฤษจนเด็กติดใจ ยอดวิวกว่า 3.3 ล้าน

หมอเผยคนไทยอายุน้อยกว่า 42 ปี ถือว่าไม่มีภูมิคุ้มกันต่อ "ฝีดาษลิง"

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ