“ไกรสร -เพชร” เปลี่ยนชุดหุ่น “พุ่มพวง ดวงจันทร์” เลือกชุดใส่ร้องเพลง “ส้มตำ” พร้อมสวมเฟซชิลด์ให้
“ไก่ จันทน์จวง” เผยเรื่องติดค้างใจถึงพี่สาว “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับ
ใกล้วันรำลึกถึงการจากไป 31 ปี ของราชินีนักร้องลูกทุ่งชื่อดังผู้ล่วงลับ “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ (2566)
โดยวันนี้ (3 มิ.ย.66) “เพชร ภัควรรธน์” ลูกชาย ได้เดินทางไปเปลี่ยนชุดใหม่ให้หุ่น “พุ่มพวง” ที่ “ศาลพุ่มพวง” วัดภาษี เอกมัย ซึ่งมีนักร้องลูกทุ่งดัง “ดาว มยุรี” เป็นผู้ตัดชุดให้
โดย “ดาว มยุรี” เผยว่า “วันนี้เป็นปีแรกครั้งแรกที่ทำชุดกับน้องสาวที่อยู่ออสเตเลีย เมื่อหลายปีก่อนเคยพาน้องไปไหว้พี่ผึ้งที่ทับกระดาน เขาบอกว่าเขาอยากจะทำชุดให้พี่ผึ้ง ยังคิดไม่ออกว่าจะเอาชุดแบบไหน น้องเป็นคนมีจิตสัมผัสด้านนี้ด้วย น้องเขามาเมื่อเดือนมีนาคมจะมาไหว้พี่ผึ้ง แล้วก็มายืนอธิฐานจิต น้องใส่ชุดมาคล้ายชุดที่นำมาให้พี่ผึ้ง น้องบอกว่าหรือว่าพี่ผึ้งอยากใส่ชุดคล้ายๆ กับหนูแบบนี้ ก็เลยสั่งตัดแต่ของพี่ผึ้งผ้าจะสวยแว็บๆ จะบานกว่ามีความเป็นผู้ดี มีหมวก มีถุงมือ ใช้เวลาตัดไม่ถึงเดือน ก็เป็นเกียรติที่ได้มาเปลี่ยนชุดให้พี่ผึ้งที่นี่ ขอบคุณที่ผ่านมาสร้างผลงานเพลงความเป็นลูกทุ่งผลงานเพลง เป็นราชินีลูกทุ่งให้กับลูกๆ หลานๆ ไม่ว่าจะเป็นลีลาการร้องทุกอย่างที่เป็นแม่แบบให้พวกเรา”
ด้าน “เพชร” บอกว่า “วันนี้ผมมาเปลี่ยนชุดคุณแม่ ปีนี้ครบรอบ 31 ปี อยากจะขอขอบคุณก่อน ขอบคุณไปถึงแฟนๆ นะครับยังรักยังคิดถึงอยู่ครับ สำหรับงานที่จะจัดทางวัดภาษี มีวันที่ 13 – 15 มิถุนายน จะจัดคอนเสิร์ตเหมือนเดิม ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน ส่วนของวัดทับกระดาน ตั้งแต่วันที่ 10 – 18 มิถุนายน ศิลปินจำนวนมาก ผมอยากบอกแม่ว่าว่ารักและคิดถึงเหมือนเดิม ขอบคุณคุณแม่ที่เป็นไอดอลที่ดีสำหรับน้องๆ รุ่นใหม่ที่เขาเพิ่งเขามาในวงการลลูกทุ่งหรือว่าวงการเพลง ขอขอบคุณคุณแม่ที่เป็นคุณแม่ที่ดีให้กับผมด้วย ถึงแม้ว่าผมเจอคุณแม่ในเวลาน้อยมากนะครับ แต่ผมรู้สึกได้ความรักความอบอุ่นที่คุณแม่มีให้ผมเสมอครับ”
สำหรับ “หุ่นพุ่มพวง” และ “ศาลพุ่มพวง” เป็นความศรัทธาของแฟนเพลงที่มีต่อราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับ เป็นที่พึ่งทางใจที่แฟนๆ มาขอพรแล้วสมดั่งใจปราถนา ซึ่งหุ่นตนที่ 1 ตั้งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ วัดทับกระดาน จ.สุพรรณบุรี โดยทางเป็นคนปั้นให้ ในหุ่นมีจะกระดูกเผ่าถ่านทั้งหมดที่เหลือจากพี่น้องแบ่งไปแล้วจะใส่ไว้ในนี้ ตั้งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำเนื่องด้วยเป็นสถานที่แรกที่พุ่มพวงได้ร้องเพลงกับ ‘พ่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ’ แต่เดิมเป็นศาลไม้ก็ได้บูรณะขึ้นมาใหม่
และทางครอบครัวจะมีการเปลี่ยนชุดให้ในช่วงวันระลึกครบรอบการจากไป และมีการจัดงานครบรอบอย่างยิ่งใหญ่ ปัจจุบัน ‘หุ่นพุ่มพวง’ มีทั้งหมด 13 หุ่น ทางน้องสาวเคยบอกไว้ว่าจะของดรับแล้วและขอให้จบที่หุ่นที่ 13 อยู่ที่วัดทับกระดาน ซึ่งเกี่ยวกับการเสียชีวิตวันที่ 13 ตอนอายุ 31 ให้จบที่เลข 1 และ 3
โดยปีนี้ (2566) เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา น้องสาวและลูกชายได้เปลี่ยนชุดให้หุ่นของ ‘พุ่มพวง’ ที่ศาลากลางน้ำ วัดทับกระดาน จ.สุพรรณบุรี ซึ่งหุ่น 1 ศาลาริมน้ำ ลงตัวที่ชุดสีฟ้าน้ำทะเล กระโปรงสีเขียวตอง ผ้าส่าหรีสีแดง ปักดิ้นทองทั้งชุด พร้อมเครื่องประดับเซ็ตใหม่รวมถึงมีการทาลิปติกสีแดง และได้เปลี่ยนชุดให้หุ่นที่ 13 ที่ถ้ำทำเทียมด้วย ทางน้องสาวเผยว่าแต่ละหุ่นที่อยู่ในวัดทับกระดานจะเหมาะกับการแต่งชุดต่างกัน
(ภาพจาก FB โอ่ง สลักจิต แฟนเพจ)
สำหรับ “พุ่มพวง ดวงจันทร์” มีชื่อเดิมว่า “รำพึง จิตรหาญ” เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2504 ที่จังหวัดชัยนาท แต่มาเติบโตที่สุพรรณบุรี ชื่นชอบการร้องเพลงและเดินสายประกวดตั้งแต่เด็กๆ ใช้ชื่อ “น้ำผึ้ง ณ ไร่อ้อย” ในวัยเด็กค่อนข้างต่อสู้ชีวิต ด้วยความที่อยากให้น้องๆ ได้เล่าเรียน ตัวเองเรียนไม่จบแม้แต่ชั้น ป.2 ก็ออกมาช่วยครอบครัวหาของขาย
แต่ด้วยความที่มีความสามารถร้อง เต้น วันนึงโชคชะตานำพาให้กลายมาเป็นนักร้องชื่อดัง ได้สมญานาม “ราชินีลูกทุ่ง” มีเพลงสร้างชื่อมากมาย อาทิ ‘ส้มตำ , หนูไม่รู้ , กระแซะเข้ามาซิ , ผู้ชายในฝัน , นัดพบหน้าอำเภอ , คนดังลืมหลังควาย , อื้อฮื้อ ! หล่อจัง ฯลฯ และยังมีผลงานทางการแสดงอีกมากมาย ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2535 ในวัย 31 ปี ด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ถ้ามีชีวิตอยู่ปัจจุบันจะอายุ 62 ปี
ด้านชีวิตครอบครัว “พุ่มพวง” ได้จดทะเบียนสมรสอดีตพระเอกภาพยนตร์ “ไกรสร แสงอนันต์” มีลูกชายด้วยกัน 1 คน คือ “เพชร - ภัควรรธน์ ลีละเมฆินทร์”
โดยเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ “พุ่มพวง” เคยให้สัมภาษณ์ในรายการ “จันทร์กระพริบ” ว่า “ตอนเด็กๆ ครอบครัวเป็นชาวบ้าน มีพี่น้องทั้งหมด 12 คน ตนเองเป็นคนที่ 5 เป็นคนที่ชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็กๆ ก็จะไปร้องเพลงตามหมู่บ้านก็จะได้เงินมาวันละ 10 กว่าบาทมาช่วยครอบครัว จนกระทั่งโชคดีมีวงดนตรีของ “ไวพจน์ เพชรสุพรรณ” ไปเล่นงานประจำปีที่สุพรรณบุรี มีผู้ใหญ่บ้านเขียนจดหมายขึ้นไปว่าฝากเด็กคนนี้ร้องเพลงหน่อย ก็เลยได้ขึ้นไปร้องเพลง ได้เงินรางวัลมา 80 บาท ก็ดีใจว่าที่บ้านจะได้ซื้อไข่ได้หลายใบ สักพักก็ได้ไปอยู่ในวง แรกๆ ก็ไม่ได้เป็นนักร้อง ไปช่วยเก็บของ ซื้อน้ำให้หางเครื่องรุ่นพี่ ก็ทำทุกอย่างเท่าที่ช่วยได้ จนวันนึงหางเครื่องสายเล็กขาด ก็เลยขอไปเขาเต้น บังเอิญพ่อไวพจน์มาเห็นให้เงินมา 80 บาท ตั้งแต่วันนั้นมาก็ได้เต้นมาเรื่อยๆ ชีวิตเริ่มต้นมาจากหางเครื่อง จนในที่สุดดวงก็เข้าข้างก็ได้ร้องเพลง พ่อไวพจน์แต่งเพลงให้ร้องแล้วก็เริ่มดัง
ซึ่งเคยออกมาตั้งวงเอง แต่ยังดังไม่พอเลยต้องแยกวงเราเองก็กลับบ้าน จับพลัดจับผลูได้มาอัดเสียงในช่วงปี 2522-2523 ได้มาเจอ ‘อาจารย์มนต์ เมืองเหนือ’ แนะนำให้เปลี่ยนชื่อเดิมเป็น ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’ และโด่งดังจริงๆ ในปี 2526 – 2529 ได้เพลง ‘กระแซะเข้ามาซิ’ เปลี่ยนชีวิต แล้วก็ได้ทำอัลบั้ม ‘ตั๊กแตนผูกโบว์’ แต่ยังไม่ทันขาย ไปถ่ายมิวสิควิดีโอแต่ปรากฎว่าตั้งท้อง ตอนนั้นอยู่อเมริกา เพื่อนก็บอกว่าให้อยู่ที่นั่นเป็นห่วงถ้ากลับมาเมืองไทยแฟนเพลงจะรับไม่ได้ คลอดที่นั่นลูกได้สัญชาติด้วย แล้วกลับมาคนก็อาจจะไม่รู้ด้วยว่ามีลูก เราก็บอกว่าไม่จำเป็น เพราะมาถึงจุดนี้ได้เพราะทุกคนศรัทธาในความสามารถ การแต่งงานแล้วสักวันแล้วต้องมีลูก การที่แฟนเพลงรับได้เรื่องมีครอบครัว การมีลูกไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ปรากฎว่าไปเดินสายต่างจังหวัดคนก็มาดูมากมาย บอกว่าจะมาดูท้องพุ่มพวง
จากนั้นก็หยุดไป เพราะเพลง ‘ตั๊กแตนผูกโบว์’ ก็ไม่ประสบความสำเร็จมาเท่าไหร่ หลังจากคลอดลูกก็ได้คุยกับบริษัท แต่ก็เสียใจที่โดนปฎิเสธให้วางมือเพราะมีครอบครัวแล้ว ก็น้ำตาตก ก็เลยตัดสินใจทำเอง โทรไปหา ‘ครูลพ บุรีรัตน์’ ที่แต่งเพลงให้ก็เลยลองดู อาจารย์ก็ถามกลับมาว่าจะไม่มีปัญหาเหรอ เราก็ตอบคำเดียว หนูไม่รู้ๆ จนกลายเป็นเพลง ‘หนูไม่รู้’ ที่โด่งดัง”