“กันต์ กันตถาวร” ชี้แจงปมดิไอคอน เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ

ประเด็นร้อนเขย่าวงการบันเทิง และ กำลังที่เป็นจับตามองอย่างมากในสังคม หลังมีผู้เสียหายจำนวนมากร้องเรียนบริษัทชื่อดังเครือข่ายธุรกิจขายตรง ที่มีชื่อของคนบันเทิงระดับแถวหน้าของเมืองไทยเข้าไปเอี่ยวในแผนการตลาด ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ "บอสกันต์" กันต์ กันตถาวร พิธีกรชื่อดัง ที่มีชื่อนั่งในตำแหน่ง CMO (Chief Marketing Officer) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบริษัท The icon

โดยกันต์ กันตถาวร ออกมาแถลงข่าวชี้แจงในประเด็นดังกล่าวว่า วันนี้ขอแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น  

 

ช่างภาพพีพีทีวี

เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก ยอมรับว่าตกใจมาก และไม่เคยรับรู้ข้อมูล แบบนี้มาก่อน ตลอดระยะเวลาที่ตนเองเป็นผู้รับจ้าง ให้กับ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป 

วันนี้ผมมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ สิ่งที่ได้ยินในกระแสสังคม แล้วทุกคนได้คิดกันไปต่างๆ นานา ว่าผมมีส่วนร่วมในความเสียหายครั้งนี้ 

วันนี้ผมมาเพื่อบอกว่า ผมไม่ได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของบริษัท การลงทุนรวมถึง การออกนโยบาย ในบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป เป็นเพียงคนที่รับจ้างมาทำหน้าที่ ทำสื่อประชาสัมพันธ์ สินค้าทุกสินค้าของบริษัท ดีไอคอนกรุ๊ป เพื่อให้ผู้บริโภค และตัวแทนผู้จำหน่าย ได้นำไปใช้กัน

และผมก็เชื่อมั่นมาเสมอว่าสิ่งที่ผมทำ จากการตรวจเช็กความถูกต้อง มาตลอด ซึ่งเป็นมาตรฐานในการทำงานของผมมาโดยตลอด 

มันเป็นมาตรฐานที่ดีแล้ว ซึ่งมันก็สามารถตรวจเช็กได้จริงๆ ข้อมูลของ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ที่ทางเราได้ตรวจเช็กเรื่องของการจดทะเบียน ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง สินค้าก็มีการนำมาทดลองใช้ ก่อนที่จะมีการออกจากปากไป ว่าสินค้า มันดี หรือไม่ดีในความรู้สึกของผมเอง และภรรยา รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ มีฉลาก อย. สำหรับสินค้าทุกตัว 

และมีการการันตีต่างๆ ตั้งแต่โรงงานผลิตสินค้า แต่ก็ยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นตามที่ผมเห็นในข่าว ในทุกๆสื่อที่ออกมา เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจครับว่า ผมเป็นผู้รับจ้าง ในการทำหน้าที่พิธีกรให้กับ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป 

แต่ในเมื่อวันนี้ ผมไม่รู้แล้วว่าอะไรคือความถูกต้องกันแน่ มันไม่มีอะไรชัดเจนเลย ผมเลยแสดงความรับผิดชอบต่อให้มันดูแล้วน้อยนิดมากๆ ในการยุติอาชีพพิธีกรของผม ก่อนที่มันจะเกิดความชัดเจน 

และได้มีการยกเลิกสัญญากับ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้มาหาพี่ๆ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แล้วมาบอกว่า สุดท้ายทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง มันก็เป็นมาตรฐานที่ผมได้ตรวจเช็กมาแล้ว ตั้งแต่แรก เท่าที่คนๆหนึ่งจะเช็กได้ 

หลังจากนี้เราจะเอาข้อมูล ทุกอย่างที่เราเก็บรวบรวม ให้กับหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบ หรือหน่วยงานที่เกี่ยว ทุกหน่วยงาน เพื่อหาข้อเท็จจริงและความชัดเจนให้ได้ เร็วที่สุด 

ทั้งนี้ ทางทีมงานทนายความได้ส่งหนังสือยกเลิกสัญญาไปแล้ว ส่งไปก่อนที่จะมีการแถลงข่าว ซึ่งสัญญาได้มีการเซ็นกันไว้ 5 ปีด้วยกัน และทำงานให้กับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป มาแล้ว 3 ปี  เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 

พร้อมย้ำด้วยว่า หน้าที่ของตนเองนั้นคือการทำหน้าที่โปรโมทสินค้า ของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป เท่านั้น ซึ่งได้ตรวจเช็คข้อมูลของทางบริษัท รวมถึงทดลองใช้สินค้าในบริษัท แล้วก็ยอมรับว่าเป็นสินค้าที่ดี 

ตามข้อมูลที่ตนเอง ได้ไปเช็กมาของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป คือ “การขายสินค้าในช่องทางออนไลน์” 

โดยตำแหน่งที่ได้ในบริษัท  คือตำแหน่ง  “ผู้บริหารสื่อสารมวลชน และสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ” ซึ่งตำแหน่งที่เขียนไว้ก็เพื่อเป็นการบ่งบอกหน้าที่ ว่าทำในตำแหน่งไหน 

ส่วนคำว่าบอส มาได้อย่างไรนั้น เป็นสิ่งที่เขาใช้เรียกในบริษัท “เป็นการให้เกียรติกันในบริษัทมากกว่า” ส่วนคำว่าบอสพอลและบอสกันต์ แตกต่างกันอย่างไร บอสพอเป็นผู้บริหารและเป็นเจ้าของ บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป 

“บริษัทนี้ผมไม่ได้มีอำนาจ ไม่มีความเป็นหุ้นส่วน หรือเป็นเจ้าของทั้งสิ้น ไม่ได้มีการกำหนดนโยบาย ผมจึงต้องรับนโยบายมาจากทางบริษัท และก็ปฎิบัติหน้าที่ ตามที่ได้รับมอบหมาย ตามสัญญาที่ได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจน”

สำหรับค่าตอบแทน ตนเองได้รับรายได้จากการขายสินค้าของทางบริษัท โดยบริษัทจะเป็นผู้รวบรวม และส่งมาให้ตนเอง ยืนยัน ไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท เป็นเพียงแค่ผู้รับจ้าง ก่อนที่นายวีรวัฒน์ สุขเกษา ทนายความ จะพูดเสริมขึ้นมาทันที ว่า ในข้อสัญญาบริษัทจะจ่ายค่าตอบแทนให้นายกันต์แบบรายเดือนตามข้อตกลงของสัญญา เป็นรายได้มาจากข้อตกลงตามสัญญาว่าจ้างเท่านั้น ไม่ใช่ได้จากเปอร์เซ็นต์การขายสินค้า ซึ่งรายละเอียดเป็นเรื่องที่ต้องชี้แจงกับพนักงานสอบสวน พร้อมยืนยัน รายได้ของนายกันต์ มีการยื่นภาษีอย่างถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้ พร้อมย้ำว่า ลูกความของตนเองไม่ได้เป็นแม่ทีม หรือแม่ข่าย 

นายกันต์ ยังกล่าวถึงเรื่องการมอบรถหรูให้นั้น บอสพอล และบอสคนอื่น รวมเงินซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดที่ ส่วนสาเหตุทำไมถึงให้รถนั้นไม่สามารถตอบแทนได้ แต่เดาว่าน่าจะเป็นเพราะตัวเองทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ นายกันต์ ยังย้ำอีกว่า ในแถลงข่าววันนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และยืนอยู่กับความถูกต้องที่เชื่อ ส่วนกระบวนการยุติธรรมจะว่าอย่างไรก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ยืนยัน ยินดีให้ความร่วมมือ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ยอมรับว่า เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้น และมีผู้เสียหายเกิดขึ้นเป็นตัวบุคคล มองว่า ก็ควรได้รับการเยียวยา และในการออกมาแถลงข่าววันนี้ ได้พูดคุยกับผู้บริหารบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปแล้ว ได้ปรึกษาว่าการแถลงข่าวจะออกไปในทิศทางใด เพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลาย โดยผู้บริหารของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ได้ยืนยันว่าทำทุกอย่างถูกต้อง แต่วันนี้ตัวเองทราบดีว่า ผลกระทบได้เกิดขึ้นแล้ว

ส่วนที่มีข้อมูลออกมาก่อนหน้านี้ว่ามีบุคคลใกล้ชิดในครอบครัว เป็นระดับแม่ข่าย ก่อนจะมีข้อมูลชี้ไปถึง “พลอย อัยดา” ภรรยาของนายกันต์นั้น นายกันต์ ชี้แจงว่า ภรรยาเป็นคนได้ทดลองใช้ และตนเองก็ได้ใช้ด้วย ซึ่งมีความรู้สึกว่า เป็นสินค้าที่ดี ตรวจเช็คจนเชื่อมั่นได้รับจึงได้รับงานเป็นผู้รับจ้างในบริษัท  นายกันต์ ยังชี้แจงว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องได้พูดคุยกับ “บอสพอล”  แต่เพิ่งทราบเมื่อกี่นาทีก่อนแถลงข่าวว่าวันนี้ “บอสพอล” เดินทางที่กองบังคับการปราบปราม นาย

ด้านทนายความ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองได้ส่งหนังสือยกเลิกสัญญาไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ถือเป็นเจตนาของลูกความตั้งแต่แรก โดยก่อนหน้านี้ทีมกฎหมายได้ไปศึกษาข้อสัญญาในเบื้องต้นว่าจะใช้เกณฑ์ใดในการยกเลิกสัญญา แต่ยืนยันว่า มีการยกเลิกสัญญาไปแล้ว และได้แสดงเจตนากับบริษัทแล้ว

ทนายความ ยังขออย่าพูดว่า เรื่องนี้เป็นการลวงหลอกให้เข้ามาร่วมบริษัท แต่ยอมรับว่า อาจจะมีส่วนทำให้มีคนมาร่วมลงทุน ส่วนข้อเท็จจริงจะผิด หรือไม่ผิด ขึ้นอยู่กับข้อความที่เผยแพร่ออกไป รวมถึงนายกันต์มีเจตนาที่จะให้เกิดเหตุอย่างนั้นหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ขอให้เป็นไปตามกฏหมาย ยืนยัน พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยก่อนหน้านี้ได้ประสานกับหนึ่งในคณะพนักงานสอบสวนไปแล้ว ว่าลูกความไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงมั่นใจว่า เรื่องการออกหมายจับจะไม่มีเกิดขึ้น หลังมีข่าวออกไปว่าก่อนหน้านี้จะมีการออกหมายจับภายใน 48 ชั่วโมง พร้อมย้ำว่าไม่กังวลขอว่ากันไปตามกฎหมาย