ต้องบอกเลยว่านาทีนี้หลายคนเกิดคำถามมากมายเมื่อ “เชน ธนา” ถูกกล่าวหาว่าโกงเงิน 79 ล้านบาท เนื่องจาก เชน ธนา เป็นนักธุรกิจที่ดูร่ำรวย มีทั้งคฤหาสน์สุดหรู ริมทะเลสาบ มูลค่ามากถึง 200 ล้าน และยังมีรถราคาแพงหลักสิบล้านอีกหลายคัน นอกจากนี้ยังใช้ชีวิตแบบกินหรู อยู่แพง เปย์ภรรยาไม่ยั้งเป็นร้อยล้าน จนหลายคนอิจฉา
สำหรับ เชน ธนา ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ เนื่องจากมีความเชื่อเรื่องผลรวมของชื่อ ซึ่งชื่อใหม่บวกลบตัวเลขแล้วจะช่วยเสริมเรื่องบารมีเงินทอง
รวมถึงเจ้าตัวอยากตั้งต้นวงศ์ตระกูลใหม่ โดยภรรยาของเขาก็เปลี่ยนชื่อและนามสกุลด้วยเช่นกันจาก เจมส์ กณิการ์ ภูศรี เป็น กาลย์กัลยา ภูโชคอนันต์ ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 5 คน คนแรก น้องสเปซ เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2561 คนที่สอง น้องสเตลล่า เกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2564 และ น้องสตาร์รี่, น้องสโนว์, น้องสกายเลอร์ เป็นแฝด 3 เกิดวันเดียวกันคือ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2565
เชน จบชั้นประถมศึกษาที่ ยอแซฟอุปถัมภ์ จ.นครปฐม มัธยมศึกษาตอนปลายที่ โรงเรียนทิวไผ่งาม และระดับปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้นได้มาเป็นศิลปินในวง Nice 2 Meet U และศิลปินเดี่ยวในค่ายอาร์เอส ตั้งแต่ปี 2549-2557
5 สิ่งใหม่ คาดมาใน Samsung Galaxy S25 Ultra
ในด้านการทำธุรกิจ เชน เก็บเงินก้อนแรกจากการเป็นศิลปินเพื่อมาเปิดร้าน Gift Shop แต่เปิดได้เพียงไม่นานก็ปิดตัวลงในปีเดียวจากเหตุการณ์การเมือง ทั้งนี้เจ้าตัวไม่ย่อท้อเก็บเงินทำธุรกิจอีกครั้งกับร้านขายเสื้อผ้าที่ประตูน้ำ คราวนี้เหมือนไปได้สวยเพราะเปิดนานกว่า 7 ปี ก่อนปิดตัวลงในปี 2556 จากเหตุการณ์การเมืองโดยที่มีหนี้ติดตัว 5 ล้านบาท
โชคดีที่ เชน สามารถปลดหนี้ได้สำเร็จจากการเป็นนักร้องเดี่ยว จากนั้นก็เป็นช่วงขาขึ้นเพราะหยิบจับทำอะไรประสบความสำเร็จไปหมด เริ่มจากการขายตุ๊กตาแบตเตอรี่สำรองทางออนไลน์ ต่อมาก็ลงทุนเปิดธุรกิจอาหารเสริม บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งได้ความรู้มาจากแวดวงคลินิก ที่เจ้าตัวดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์
บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2557 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 43 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในหมวดสุขภาพและความงาม และเมื่อเปิดบริษัทมาได้ไม่นาน ผลิตภัณฑ์ของแบรน์อมาโด้ก็โด่งดังเป็นที่พูดถึง ใน 2564 มีรายได้กว่า 2,426,861,701 บาท นับเป็นรายได้รวมที่สูงที่สุดตั้งแต่เปิดบริษัทมา
อย่างไรก็ตามมีช่วงหนึ่งที่ขาดทุนเพราะผลกระทบจากคดี Magic Skim แต่เจ้าตัวยังสู้ไม่ถอย ปรับกลุ่มเป้าหมายใหม่ และนำเงินทุนก้อนสุดท้ายมาจ้าง ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก เป็นพรีเซนเตอร์เพื่อปรับภาพลักษณ์ ผลตอบรับถล่มทลายปลดหนี้ 66 ล้านบาทในเวลาอันรวดเร็ว ส่วนรายได้ในปีล่าสุด 2566 อยู่ที่ 1,230,153,981 บาท เป็นกำไรสุทธิ 36,919,268 บาท