จากกรณี “แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข” ศิลปินชื่อดัง ที่ออกมาเล่าเรื่องราวการหายไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนจะบานปลายไปถึงเรื่องนอกใจภรรยา โดยมีคู่กรณีเป็นลูกสาวนายพล ตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดฝ่ายหญิงคู่กรณี ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “โหนกระแส” ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
โดยพิธีกรถามเคยคบหากับแสตมป์ในเชิงชู้สาวหรือไม่ เคยคบกันในฐานะแฟนหรือไม่ ซึ่งฝ่ายหญิงคู่กรณี ยืนยันว่าไม่เคยคบหากัน
ฝ่ายหญิงคู่กรณี ยังบอกอีกว่า เรื่องนี้จบไปนานแล้ว และในชั้นศาลก็จบไปแล้ว ตนก็ตอบได้เท่านี้ และเป็นไปตามคำสั่งศาลที่ระบุไว้ว่าห้ามนำไปพูดต่อหรือเผยแพร่ข้อมูลใดๆ ตนก็ต้องให้เกียรติอีกฝ่ายด้วย ซึ่งทางตนและแฟนของตนก็อยากจะแยกย้ายจากเรื่องนี้จริงๆแล้ว อย่างสมบูรณ์สิ้นเชิง
เมื่อถามถึงเรื่องไฟล์ตบินที่แสตมป์บอกว่าฝ่ายหญิงคู่กรณีมีความพยายามล็อคที่นั่งเพื่อไปนั่งข้างเขานั้น ฝ่ายหญิงคู่กรณี ชี้แจงว่า ตนกดจองผ่านแอปพลิเคชันในมือถือ ถ้าเกิดว่ามันเป็นการดีลกับใครสักคนไว้ ตนคิดว่าคงไม่ใช่หน้าที่ของตนที่ต้องมาหาว่าคนนั้นเป็นใคร คงจะต้องเป็นฝั่งของคู่กรณีหากรู้สึกว่าถูกคุกคามข้อมูลส่วนบุคคลก็ต้องไปหาตรงนี้
เมื่อถามถึงเรื่องการคุกคามที่แสตมป์อ้างถึง ฝ่ายหญิงคู่กรณี ชี้แจงว่า ไม่เคยคุกคาม และยืนยันว่าไม่มีการไปคุกคามที่บ้านแน่นอน และไม่มีการข้มขู่เรื่องคดี 112 แน่นอน
เมื่อถามว่าทำไม แสตมป์อ้างว่าเขาคบกับคุณ ฝ่ายหญิงคู่กรณี บอกว่า ตนไม่ทราบเจตนาเหมือนกัน ซึ่งตนก็ไม่ได้พูดถึง หรือแสดงหรืออะไรใดๆกับเขาเหมือนกัน ในส่วนของสิ่งที่เขาพูดกับใครอะไรยังไงก็ต้องไปถามเขาดู ซึ่งตนไม่เคยพูดถึง ไม่เคยไปพูดว่าคบหาหรือเป็นอะไรกับเขา
เมื่อถามถึงกรณีที่ “ป้อง” เพื่อนของแสตมป์ออกมาพูดข้อเท็จจริงนั้น ฝ่ายหญิงคู่กรณี บอกว่า ตนรู้จะกกับพี่ป้อง แต่ในส่วนของทางที่พี่ป้องทราบ ก็ต้องไปถามพี่ป้องว่าคำว่าแฟนพี่ป้องได้รับข้อมูลนี้มาจากใคร คำว่าเป้นแฟนนี่พี่ป้องรู้จากใครรู้จากตนหรือไม่
เมื่อถามว่าแสตมป์มาตามจีบคุณหรือไม่ในตอนนั้น ฝ่ายหญิงคู่กรณี บอกว่า ไม่ทราบเหมือนกัน เป็นการที่อีกฝ่ายหนึ่งทักมา ซึ่งจะเป็นการตามจีบหรือไม่ ตนก็ไม่สามารถตอบได้เพราะมันอยู่ที่เขาว่าเขาทักมาด้วยเหตุผลอะไร ซึ่งจริงๆแล้วทั้งนี้ทั้งนั้นตั้งแต่กระบวนการศาลจบไป พวกเราอยากเลิกยุ่ง เลิกข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายมากๆ
เมื่อถามถึงการจ่ายค่าไกล่เกลี่ย 1 ล้านบาทนั้น เป็นค่าอะไร? ฝ่ายหญิงคู่กรณี บอกว่า ถ้าจ่ายแล้วมันแยกย้ายจากกันไปได้ แล้วไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก ตนก็ยินดีที่จะจ่าย เขาอาจได้รับความรู้สึกไม่ดีหรือใดๆก็เยียวยา หรือซื้อเวลากันไป ตนแอยากจบไม่อยากยุ่งเกี่ยวใดๆ ส่วนที่ถูกมองว่าเป็นการยอมความนั้น ในส่วนนี้ตนไม่สนใจแล้ว เพราะระหว่างทางสภาพจิตใจตนก็แย่จนรู้สึกว่าตนก็ได้รับผลกระทบมาโดยตลอดเหมือนกัน มันควรจะจบได้แล้ว แล้วเมื่อตนจ่ายไปแล้วก็ควรจะหยุด ส่วนคำให้การในคดีตนก็ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์กับสามีเขา
เมื่อถามว่ายืนยันใช่หรือไม่ว่าไม่เคยมีความรู้สึกอย่างอื่นนอกเหนือจากแฟนคลับ ฝ่ายหญิงคู่กรณี ตอบว่า “ค่ะ” เมื่อพิธีกรถามว่าเรื่องนี้จะเป็นคดีความต่อเนื่องไหม ฝ่ายหญิงคู่กรณี ตอบว่า “ทางเราไม่อยากยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว”
ส่วนกรณีมีคลิปเผยแพร่ในทำนองว่าไปไหนมาไหนกับแสตมป์ แล้วเขาก็เป็นคนถ่ายรูปให้คุณที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งนั้น ฝ่ายหญิงคู่กรณี บอกว่า ตอนนั้นตนอยู่ในช่วงที่ทำงานกับแสตมป์ แล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามคลิป แล้วก็อาจจะมีคนเข้าใจผิดหรือใดๆ ซึ่งตนไม่สามารถไปบอกให้ใครเข้าใจแบบไหนได้เหมือนกัน