เปิดใจ "เท็ดดี้" อ้างชื่อ "กัน จอมพลัง" เพราะโดน "ดิว อริสรา" กดดัน

วันที่ 21 มี.ค. 2568 นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง”  พา เท็ดดี้ หนึ่งในคนที่อ้างว่าถูกทำร้าย และเป็นคนที่แอบอ้างชื่อ กัน จอมพลัง พร้อมด้วย การ์ด ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามกรรโชกทรัพย์มาให้สัมภาษณ์สื่อ

“กัน จอมพลัง” บอกว่า ตัวเองไม่สนใจเรื่องการกักขังทำร้ายร่างกาย แต่สิ่งที่ยอมไม่ได้คือมีการแอบอ้างชื่อตัวเองว่าเกี่ยวข้องกับ ขบวนการดอลลาร์ปลอม และ เรื่องอาวุธสงคราม ทั้งที่ที่ผ่านมาตัวเองไม่เคยรู้จักหรือเกี่ยวข้องกับคนกลุ่มนี้เลย

ช่างภาพพีพีทีวี

ส่วนของภรรยา ยอมรับว่า เคยมีการพูดคุยกับดิว อริสรา และเป็นเพื่อนคนชื่อ เท็ดดี้ หนึ่งในคนที่ไปเกี่ยวข้องกับการแลกเงินดอลล่าร์ แต่ตัวเองไม่ได้รู้จัก หรือ สนิทเป็นการส่วนตัวเลย จึงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องนำชื่อไปแอบอ้างให้เสียหาย ส่วนตัวของดิวอริสรา ก่อนหน้านี้ตัวเองก็เคยฝากคนรู้จักไปเตือน เรื่องของการใช้ชีวิตว่าอย่าเกินตัวมากนัก ตั้งแต่ปีที่แล้ว

ด้าน "เท็ดดี้" หรือ ”จ๋อม“ ที่อยู่ในเหตุการณ์วันแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ปลอม เปิดใจกับสื่อ ว่า สาเหตุที่อ้างชื่อกัน จอมพลัง และภรรยา เนื่องจากตอนนั้นทางดิว อริสรา กดดันให้หาเงินมาชดใช้คืน ตัวเองไม่รู้จะทำยังไง จึงพยายามติดต่อไปหา หมิว ภรรยาของกัน จอมพลัง เพราะเคยรู้จักกันมาก่อน เพื่อขอความช่วยเหลือให้ช่วยคุยกับดิว ส่วนที่พูดถึงเรื่องค้าอาวุธเถื่อนนั้น ตัวเองเพียงแต่ได้ยินมาอีกทีว่า กัน จอมพลังและภรรยา สามารถเคลียร์ปัญหาเรื่องค้าอาวุธเถื่อนได้ และเป็นการพูดคุยสนุกๆไม่ได้จริงจัง

สำหรับเรื่องแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ ยอมรับว่าเป็นคนที่รู้จักกับลูกค้าชายชาวจีนที่ต้องการนำเงิน 3ล้านดอลลาร์มาแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยตัวเองเห็นว่ามีโปรเจคงานนี้มานานเป็นปีแล้วแต่ไม่มีใครรับทำ จนกระทั่งได้พูดคุยกับ“เกด” บอกว่ามีช่องทางและสามารถทำงานนี้ได้จึงตอบตกลงกับชาวจีนไป และนำไปสู่วันแลกเปลี่ยน ซึ่งตัวเองยอมรับว่า มันแปลกๆตั้งแต่แรก เพราะเงินดอลลาร์ มูลค่า 99 ล้านบาท แต่นำมาแลกกับเงินไทยเพียง 3,200,000 บาท พร้อมยอมรับว่า รู้อยู่ลึกๆว่าเป็นเงินดอลลาร์เทาจากการทำผิดกฎหมาย แต่ทาง “เกด”อ้างว่า สามารถทำได้ จึงตอบตกลงกับชายชาวจีนไป แต่ปรากฎว่า ได้แบงค์ดอลลาร์ปลอมกลับมาแทน

 ขณะที่ นายโอ๊ต การ์ด ที่นักแสดงสาว ดิว อริสรา ว่าจ้างให้รักษาความปลอดภัยบุคคล 5 คน คือ เท็ดดี้ ,เกด,บอส,ชิน และ แมน ในการนำเงิน 3.2ล้านบาท ไปแลกรับเงิน 3ล้านดอลล่าร์ หรือ ประมาณ 99 ล้านบาท เล่าว่า ในวันที่ไปรับเงิน มีการ์ดไปกี่ยวข้องกับการดูแลบุคคลรวมถึงเงิน 4 -5 คน แบ่งเป็นตัวเองที่ได้รับการว่าจ้างเป็นรายเดือนจากดิวอริสรา ส่วนการ์ดที่เหลือได้รับเงินรายวัน 2,000 บาท แต่ท้ายที่สุดเมื่อการทำธุรกรรมล้มเหลว การ์ดที่เหลือก็แยกย้ายกลับ เหลือเพียงตัวเองที่ได้รับมอบหมายให้เคลียร์เรื่องเงินกับทั้ง 5 คน

สำหรับการเคลียร์เงิน ดิว อริสรา มีการเปิดห้องโรงแรมให้ทั้ง 5 คนอยู่ จำนวน 5 วัน ตกวันละกว่า 20,000บาท ซึ่ง ยืนยันว่า เป็นลักษณะของการอยู่ร่วมกันเพื่อพูดคุยหาทางออกเรื่องการเคลียร์เงิน ไม่ได้มีการกักขังข่มขู่ ทุกคนมีอิสระใช้ชีวิตส่วนตัว สามารถออกจากห้องและกลับบ้านได้ตามปกติ อีกทั้งในระหว่างที่อยู่ด้วยกันก็มีลักษณะสังสรรค์ปาร์ตี้ บางครั้งตัวเองก็เหมือนต้องรับบทเด็กเอนเตอร์เทนให้คนกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งตัวเองมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอขณะที่มีการชนแก้วแชมเปญ และมีเสียงเชียร์ให้ชนแก้วด้วย

ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่าตัวเองทำร้ายร่างกายหนึ่งในบุคคลที่อยู่ในห้อง ยอมรับว่า ในระหว่างที่อยู่ด้วยกัน ตัวเองทะเลาะกับคนชื่อชิน เนื่องจากไม่พอใจเรื่องคำพูดจนชกต่อยกันบนรถ แต่ยืนยันไม่ได้เกี่ยวกับการเคลียร์เงินหรือทวงหนี้ใดใด ซึ่งหลังจากที่ทะเลาะกันก็ได้เคลียร์ใจกันแล้วเสร็จ ยังกลับมากินข้าวพูดคุยกันปกติ

หลังเกิดเหตุทั้งหมดตัวเองได้พูดคุยกับทางดิวอริสรา เป็นที่เรียบร้อยซึ่งทางดิวก็ได้ขอโทษตัวเองที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะถือเป็นหน้าที่