ใครเป็นใครในเวที “The Voice 2018” อีพีแรก


โดย PPTV Online

เผยแพร่




นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับ “เดอะวอยซ์ 2018 เสียงจริง ตัวจริง” ได้อย่างงดงาม กับการเปิดฉากรอบ Blind Audition ด้วยการปรากฏตัวของเหล่าผู้เข้าแข่งขันที่ต่างเป็นตัวจริงเสียงจริงด้วยกันทั้งนั้น โดยมีผู้ได้รับเลือกให้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปถึง 7 รายด้วยกัน ส่วนใครเป็นใครกันบ้าง มาดูกัน

“โจ-อาชาไนย ธรรมนิยาย” หนุ่มฟาร์มม้าสู่นักร้องคันทรี่ เวที “เดอะวอยซ์ 2018”

ชายหนุ่มในลุคคาวบอย พร้อมกีตาร์อะคูสติกในมือ ก่อนหน้าที่จะตีคอร์ด พร้อมกับระเบิดเสียงร้องถ่ายทอดเพลง “Sweet Home Alabama” เพลงเก่งของสุดยอดวงเซาเธิร์นร็อก “Lynyrd Skynyrd” ได้แบบเข้าถึงจิตวิญญาณของชาวใต้ที่กล่าวถึงในเพลงจริงๆ ซึ่งจากการแสดงที่ยอดเยี่ยมนั้นก็สามารถชนะใจทั้ง “โค้งก้อง” และ “โค้ชป๊อบ” ก่อนที่โค้ชรุ่นพี่จะใช้เสน่ห์ประสาหนุ่มหล่อพันปีคว้า โจ ไปอยู่ทีมก้องโดยละมุนละม่อม

ชื่อของเขาคือ “อาชาไนย ธรรมนิยาย” หรือ “โจ” ปัจจุบันอายุ 22 ปี โดย โจ ได้เรียนจบด้านการดูแลม้า รวมถึงการปศุสัตว์โดยตรงจากสหรัฐอเมริกา เพื่อกลับมาสืบทอดฟาร์มม้า ที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวที่ทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อ โดยเขารั้งตำแหน่งผู้จัดการ และฝึกสอนฟาร์มม้า

สำหรับเรื่องการร้องเพลงและเล่นดนตรีนั้นถือเป็นความฝันอีกอย่างหนึ่งของเขา โจ เริ่มเอาจริงในด้านนี้มาตั้งแต่อายุ 12 – 13 ปี โดยทำวงเล่นกันกับเพื่อน ๆ ขณะเดียวกันความที่ฟาร์มม้าของครอบครัวมีการจัดงานคาวบอยไนท์อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจะมีการเล่นเพลงคันทรี่เป็นหลัก ซึ่งได้ปลูกฝังความรักในดนตรีคันทรี่ให้กับเขามาตั้งแต่นั้น ขณะที่เมื่อได้ไปเรียนที่อเมริกาก็ได้ความรู้ใหม่ ๆ เรื่องเพลงคันทรีมาเยอะและทำให้ยิ่งชอบมากขึ้น ควบคู่กับเพลงเพื่อชีวิตของไทยที่เขาผูกพันมาโดยตลอด

แม้ว่าที่บ้านไม่ค่อยสนับสนุนให้เอาดนตรีเป็นอาชีพ อยากให้ดูแลธุรกิจฟาร์มม้ามากกว่า แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรมากมาย สำหรับเหตุผลที่มา “เดอะวอยซ์ไทยแลนด์” นั้น โจอยากมาร่วมรายการนี้มาตลอด แต่ยังไม่แน่ใจและไม่มั่นใจจึงยังไม่ได้สมัครซักที กระทั่งหลังจากที่ได้ไปเรียนที่อเมริกาก็รู้ใจตัวเองชัดเจนแล้วว่าชอบร้องเพลง พอกลับมาเมืองไทยจึงตั้งใจมาสมัคร “เดอะวอยซ์ไทยแลนด์” เพราะรู้แก่ใจแล้วว่ามันคือความฝัน รวมทั้งอยากพิสูจน์ให้พ่อแม่เห็นว่าเลี้ยงชีพได้ด้วยอาชีพนี้และจะดูแลธุรกิจของที่บ้านควบคู่ไปด้วยได้

“ลูกปลา-อารียา โรจนดิษฐ์” สาวเสียงสุดไซส์อบอุ่นกับการร้องโอเปร่าสุดอลังการ

“ลูกปลา-อารียา โรจนดิษฐ์” นักร้องสาวไซส์อบอุ่นจากนครปฐม ที่หลายคนคงคุ้นตา และคุ้นเสียงกันเป็นอย่างดี ด้วยนักร้องเสียงทรงพลังเจ้าของฉายา "สาวจุฬา ร่างใหญ่ ใจรักเสียงเพลง" คนนี้เคยผ่านเวทีประกวดร้องเพลงมาแล้วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่ที่สร้างชื่อให้กับ “ลูกปลา” ที่สุดคงหนีไม่พ้นเวที “เคพีเอ็น อวอร์ด ครั้งที่ 23” เมื่อปี 2556 ที่เธอสามารถเข้าสู่รอบ 10 คนสุดท้ายได้สำเร็จ แม้จะไม่สามารถก้าวไปจุดสูงสุด แต่ก็ชนะใจผู้ชมจำนวนไม่น้อย

“ลูกปลา” นั้นรักการร้องเพลงตั้งแต่ยังเด็ก แต่ไม่เคยคิดจริงจังกับความสามารถตรงนี้ กระทั่งตอนเรียนอยู่ประถม 5-6 ครูได้มอบหมายให้เธอนำร้องเพลงชาติหน้าแถว แล้วแสดงศักยภาพให้ครูได้เห็น จนส่งไปประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง และเริ่มเดินสายประกวดร้องเพลงไปทั่ว พอ ม.1 ก็สอบเข้าวิทยาลัยนาฏศิลป์ ศาลายา ตอนแรกจะสอบเข้าดนตรีไทย แต่รู้สึกเมื่อยไม่สบายตัว เพราะต้องนั่งพื้นตลอด ก็เลยเลือกเรียนดนตรีสากล จากนั้นก็เริ่มสนใจดนตรีสากล แนวคลาสสิก พอโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็เริ่มชอบแนวแจ๊สขึ้นมาบ้าง ก่อนหน้าที่จะเรียนวอยซ์จริงจัง ตอนเข้ามหาวิทยาลัย และเริ่มหัดร้องแนวโอเปร่าตั้งแต่ตอนนั้น

สำหรับเหตุผลที่มา “เดอะวอยซ์” นั้น ความจริงพ่อแม่อยากให้มานานแล้ว แต่ด้วยยังไม่มั่นใจเพราะรู้สึกว่าโอเปร่ามันไม่ได้เข้าถึงคนดูง่าย ๆ กลัวคนไม่เข้าใจ แต่คิดว่าตอนนี้อยากมาลองทำดู ส่วนความฝันในอนาคนนั้นลูกปลากล่าวว่าอยากจะเป็นนักร้องโอเปร่า ที่ยืนอยู่บนเวทีระดับโลก              


“ตู่-ญาณินท์ โชติสุต” นักดูดวงไพ่ทาโร่ที่มีเสียงร้องสะกดใจ

“ตู่-ญาณินท์ โชติสุต” นักดูดวงไพ่ทาโร่สาวใหญ่วัย 51 จากพัทลุง ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก จากการฟังเทปของพ่อ นอกจากนั้นยังเป็นเด็กกิจกรรม จึงเป็นนักร้องของโรงเรียนมาโดยตลอด แต่เน้นร้องโชว์อย่างเดียว ไม่เคยร้องประกวดที่ไหนมาก่อน แม้ไม่รู้ตัวว่าเราชอบร้องเพลงเหมือนใคร แต่ “ตู่” ก็คิดมาตลอดว่าตัวเองชอบร้องเพลงจากพ่อ เพราะพ่อเป็นช่างทำเครื่องดนตรี เพิ่งมารู้ไม่นานมานี้ว่าชอบร้องเพลงเหมือนแม่ เพราะวันหนึ่ง อยู่ดี ๆ แม่ก็ร้องเพลงขึ้นมา แล้วเพลงที่แม่ร้องก็เพราะด้วย ในขณะที่ตั้งแต่เด็กจนโตแม่จะเป็นคนนิ่งๆ เรียบร้อยมาก ไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่ร้องเพลงได้ แต่พอแม่เป็นอัลไซเมอร์รู้สึกว่าแม่กลับไปเป็นเด็ก มีความสนุกสนาน อะไรที่แม่เคยทำตอนเด็กๆ หรือตอนวัยรุ่นแม่จะจำได้ รวมถึงเรื่องร้องเพลงด้วย

เหตุผลที่มา “เดอะวอยซ์”  คือแฟนของ “ตู่” สมัครให้ เพราะแฟนเห็นว่าเธอชอบดูมาโดยตลอด แต่ด้วยคิดว่าตัวเองไม่เก่งพอที่จะมารายการนี้ และอีกเหตุผลที่แฟนของเธอสมัคร “เดอะวอยซ์” ให้ เพราะตลอดมาจะเห็นได้ชัดเจนว่าทุกครั้งที่ “ตู่” ร้องเพลงก็จะอารมณ์ดีเลยอยากให้มาร้องเพลงที่นี่อย่างน้อยก็สักครั้ง
 

“ฟูฟู-ธนภัทร พื้นชมภู” นักร้องนักดนตรีอาชีพที่พิสูจน์ตัวเองสำเร็จบนเวที “เดอะวอยซ์ 2018”

“ฟูฟู-ธนภัทร พื้นชมภู” หนุ่มมาดร็อกจากร้อยเอ็ด เริ่มหัดเล่นดนตรีครั้งแรกตอน ม.2 โดยหยิบกีตาร์เพื่อนขึ้นมาหัดเล่น ก่อนหนี่จะขอยืมของเพื่อนกลับบ้านไปหัดเล่นเอง โดยดูวิธีวางนิ้วตามหนังสือเพลง จากนั้นก็ร้องเพลงกับเพื่อน ๆ เอาสนุก ซึ่งเพื่อนก็ชมว่าเขาร้องเพลงได้เพราะใช้ได้ จนเพื่อนชื่นชมว่าอย่าทิ้งการร้องเพลงนะ หลังจากนั้นพอเรียนจบ ม.6 ความที่ครอบครัวมีฐานะยากจนมาก ฟูฟูเลยมาอยู่ทำงานโรงงานอยู่ปราจีนบุรี และไปขอเล่นดนตรีฟรี ๆ ตามร้านอาหารด้วยใจรัก ทำอยู่ 6 เดือน จากนั้นก็ร้านก็เจ๊ง แต่ในวิกฤตก็ยังมีโอกาส เมื่อเพื่อนที่เล่นที่ร้านมาชวนไปเล่นดนตรีกลางคืนด้วยกัน และทำงานโรงงานไปด้วย ทำแบบนี้อยู่เกือบสามปีก็ทำไม่ไหว และโดนหัวหน้าตักเตือน จนสุดท้ายตัดสินใจออกมาร้องเพลงเพียงอย่างเดียว เพราะชอบ ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็เล่นดนตรีอย่างเดียวมา 7-8 ปีแล้ว

 สำหรับ “เดอะวอยซ์ 2018” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ส่วนสาเหตุที่มาสมัครก็ไม่มีอะไรซับซ้อน แค่เพียงเพราะว่าเขาอยากให้ที่บ้านรู้ว่าตัวเขาก็มาได้ จึงตัดสินใจมาพิสูจน์ตัวเอง กระทั่งประสบความสำเร็จในขั้นต้นในที่สุด

“เชอรี่- ชลธร วจีสัตยานุรักษ์” จากจุดเริ่มที่ตู้คาราโอเกะ สู่ปลายทางที่ “เดอะวอยซ์ 2018”

“เชอรี่ิ - ชลธร วจีสัตยานุรักษ์” ปัจจุบันอายุ 28 ปี เริ่มร้องเพลงจากตอนเด็ก ๆ ด้วยที่บ้านทำตู้คาราโอเกะ เวลาไปเก็บเงินที่ตู้พ่อก็จะพาไป พ่อก็จะให้หยอดเงิน ให้เชอรี่ร้องเพลงทุกครั้ง ก่อนหน้าที่พ่อแม่พาไปเรียนร้องเพลงตอน ป.1 แต่หลังจากนั้นที่เรียนได้ 2 คอร์ส ก็ต้องหยุดเรียนเพราะค่าเรียนแพง ต่อมาเมื่อเชอรี่เรียนระดับมัธยมก็ให้ความสนใจกับการเป็นนักกีฬากอล์ฟ และจริงจังกับกีฬาชนิดนี้เรื่อยมา จนไปเรียนปี 2 มหาวิทยาลัยก็ตัดสินใจลองประกวดร้องเพลงภาษาฝรั่งเศสก็ได้รางวัลมา พอขึ้น ปี 3 ไปรับงานเป็นพิธีกร แล้วก็ใช้เงินส่วนนั้นเป็นค่าขนม ส่วนเงินที่แม่ให้ก็เอาไปเรียนร้องเพลง จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นตนอปี 4 ช่วงที่กำลังจะจบนั่นเอง เพื่อนให้ขึ้นไปแจมร้องเพลง เลยมีโอกาสได้ร้องเพลงกลางคืน

พอเรียนจบไปทำงานออฟฟิศได้ 2 ปี ก็ลาออก ตัดสินใจมาร้องเพลงกลางคืนอย่างเดียวจนถึงทุกวันนี้ ส่วนเหตุผลที่มา “เดอะวอยซ์” เพราะการผ่านเวทีแห่งนี้ก็เป็นเหมือนได้รับใบปริญญาของนักร้องนั่นเอง

"เบญ เบญญดา ถาวรเศรษฐ"นักตกแต่งภายใน กับความฝันเรื่องร้องเพลงที่เป็นจริง

“เบญ-เบญญดา  ถาวรเศรษฐ” เรียนจบปริญญาตรีจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันทำงาน Interior Design ตามที่ได้ร่ำเรียนมา ส่วนความฝันทางด้านการร้องเพลงนั้นมีจุดเริ่มต้นจากที่ครอบครัวฝั่งคุณพ่อจะชอบร้องเพลงทุกคน เวลาที่บ้านมีงานก็จะตั้งคาราโอเกะร้องแบบจริงจัง ซึ่งล้วนแล้วแต่เสียงดีกันทุกคน สำหรับตัวเธอเองนั้นจะถนัดร้องเพลงช้าเป็นพิเศษ เพราะเป็นคนที่ไม่ได้มีพลังเสียงมากมายนัก

นอกจากเรื่องร้องเพลง “เบญ” ยังสามารถเล่นกีตาร์คอร์ดที่ง่าย ๆ ได้ มีร้อง cover ลงยูทูบบ้างแต่ไม่ได้จริงจังมาก นอกจากนั้นยังสามารถแต่งเพลงได้ โดยจะแต่งเนื้อเพลงแล้วให้เพื่อนช่วยทำดนตรีให้ ที่ผ่านมาเคยร้องเพลงประกอบละครเวทีของคณะ ซึ่งเพลงนั้นได้ลง CD เพลงรวมของละครเวทีด้วย โดยมีความฝันสูงสุดคือการได้นำเพลงที่ตัวเองทำออกสู่สาธารณชน

“เอิร์ธ- นที ศีลจรรยา” นักศึกษาหนุ่มผู้หลงใหลดนตรีโซล

“เอิร์ธ - นที ศีลจรรยา” หนุ่มนักศึกษาที่นำมาเพลง “เมืองชุดดำ” ของ Rasmee Isan Soul มาถ่ายทอดใหม่ในแบบของตัวเองได้อย่างโดดเด่นนั้น เริ่มชอบดนตรีและฟังเพลง มาตั้งแต่ตอนเรียนประถม ต่อมาพอเข้าม.1 “เอิร์ธ” ก็เริ่มฝึกกีตาร์ด้วยตัวเอง และพออารู้ว่าเขาชอบกีตาร์ เลยยกกีตาร์ของตัวเองให้ จากนั้น“เอิร์ธ” ก็ชวนเพื่อนไปซ้อมดนตรี โดยในตอนนั้นเขายังเล่นกีตาร์อย่างเดียว ยังไม่ได้ทำหน้าที่ร้องนำ ก่อนที่เขาจะแสดงการเอาจริงเรื่องดนตรีมากขึ้น โดยสมัครเข้าวงโยธวาทิตของโรงเรียน 

ต่อมาพอเข้ามหาวิทยาลัย เริ่มไปเล่นดนตรีกลางคืน โดยรับบทมือกีตาร์เหมือนเช่นเดิม กระทั่งนักร้องชอบขาดเล่นบ่อยขึ้น ทำให้เอิร์ธตัดสินใจว่าคงต้องฝึกร้องเพลงจริงจังแล้ว ขณะเดียวกันขณะที่เพิ่งไปเรียนที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามได้เพียงปีแรก “เอิร์ธ” ก็ต้องกลับมาดูแลยายทวดที่ล้มป่วย จากนั้น ป้าที่ส่งเรียนหนังสือ เลยบอกว่างั้นย้ายกลับมาเรียนที่สกลนครบ้านเกิด เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดที่บ้านและประหยัด ด้านการร้องเพลงส่วนตัวชอบร้องเพลงแนวอินดี้เศร้า ๆ ส่วนเพลงเร็วจะชอบแนวโซล ฟังค์ โดยมีไอดอล คือ ชาติ เดอะวอยซ์ซีซั่น  3 และ Greasy café ที่ผ่านมาเคยโดนดูถูกเรื่องเล่นดนตรี ว่าทำไมต้องเล่น เรียนก็ยังไม่จบ แต่เขาก็คิดว่าถ้าไม่มีดนตรี คงไม่ทำให้เขามีเงินเรียนหนังสือแน่นอน


ดูโอครู “Danny-Buma Derrick & ไปป์-ศุภเมธ เพชรอุดม” ที่มาพร้อมกับความฮาที่ชนะใจทั้งผู้ชมและโค้ช

“Danny-Buma Derrick & ไปป์-ศุภเมธ เพชรอุดม” เป็นคุณครูสอนอยู่โรงเรียนเดียวกัน โดยไปป์สอนดนตรี และแดนนี่สอนภาษาอังกฤษ แดนนี่เป็นคนไปทักไปป์ก่อน เพราะแดนนี่อยากเล่นกีตาร์เป็น โดยให้ข้อเสนอว่าจะสอนภาษาอังกฤษไปป์แลกกับการสอนกีตาร์ ปัจจุบันทั้งคู่รู้จักกันมา 1 ปีแล้ว แต่จนถึงตอนนี้แดนนี่ก็ยังเล่นกีตาร์ไม่ได้ ไปป์ก็พูดภาษาอังกฤษได้ไม่มากนัก

สำหรับแดนนี่นั้นชอบเอาบทเรียนภาษาอังกฤษมาใส่ทำนองเพลงที่กำลังฮิต ๆ เพื่อสอนนักเรียน นักเรียนก็จะชอบเรียนกับแดนนี่ ในส่วนแนวเพลงที่ชอบนั้น แดนนี่จะชอบเพลงลูกทุ่ง และแร็ป มี Idol คนไทย คือ ก้อง ห้วยไร่ กับ ไผ่ พงศธร ขณะที่ ไปป์ ชอบ แดน D2B

ส่วนเหตุผลที่มา “เดอะวอยซ์” นั้นมีจุดเริ่มต้นจาก แดนนี่ที่อยากมาออก “เดอะวอยซ์” เลยเอาคลิปที่จะสมัครไปให้ไปป์ดูว่าผ่านไหม ไปป์บอกว่าไม่ผ่าน เพราะเพลงที่แดนนี่ร้องเป็นเพลงเศร้าแต่หน้าแดนนี่ยิ้มตลอดเวลา แดนนี่เลยชวนให้ไปป์สมัครด้วย ไปป์เลยบอกว่าถ้าจะให้สมัคร ๆ คู่จะดีกว่า ทั้งคู่เลยกลายเป็นดูโอมาร่วมประกวดในเวทีนี้ด้วยกัน

ติดตามชม “เดอะวอยซ์ 2018 เสียงจริง ตัวจริง” ได้ ทุกคืนวันจันทร์  เวลา 20.15 น. ทางช่อง พีพีทีวี เอชดี 36

ติดตามความเคลื่อนไหว TheVoice2018 และ ชมคลิปไฮไลท์

อ่านข่าวเพิ่มเติม:

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ