เปรู ค้นพบลายเส้นแมวยักษ์บนไหล่ภูเขา
หนุ่มญี่ปุ่นได้เที่ยว “มาชูปิกชู” แบบเอ็กซ์คลูซีฟ เพราะโควิด-19 เป็นเหตุ
ฟรานซิสโก ซากัสติ (Francisco Sagasti) กลายเป็นประธานาธิบดีเปรูคนที่ 4 ในเวลาไม่ถึง 5 ปี หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อนสภาคองเกรสเปรูลงมติให้ขับไล่ มาร์ติน วิซคาร์รา (Martin Vizcarra) อดีตประธานาธิบดีพ้นจากตำแหน่ง และให้มานูเอล เมริโน (Manuel Merino) ดำรงตำแหน่งแทน แต่ล่าสุดเมริโนก็ลาออกหลังประชาชนออกมาประท้วง จนมีผู้เสียชีวิตจากการปะทะกับตำรวจ
เดนิสส์ โรดริเกซ-โอลิวารี (Denisse Rodriguez-Olivari) นักรัฐศาสตร์ชาวเปรู จากมหาวิทยาลัยฮัมโบลดต์ในเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี บอกว่า วิกฤตการณ์ในปัจจุบันถือเป็นจุดสูงสุดของความขัดแย้งระหว่างประธานาธบิดีและสภาคองเกรสที่ควบคุมโดยฝ่ายค้าน
ที่ผ่านมา สภาคองเกรสเคลื่อนไหวต่อต้านประธานาธิบดีและรัฐมนตรีจำนวนมาก โดยระงับไม่ให้รัฐบาลออกนโยบายหลายข้อ ซึ่งโรดริเกซอธิบายว่าเป็น "การเน้นย้ำทำให้เกิดความขัดแย้ง"
ฟูจิโมริ เคย์โกะ (Keiko Fujimori) หัวหน้าพรรค Popular Force พรรคฝ่ายค้านในเปรู พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 แต่พรรคของเธอมีที่นั่งมากที่สุดในสภาคองเกรส
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2020 สภาคองเกรสลงมติให้ฟ้องร้องวิซคาร์รา ในข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างที่ได้รับการอนุมัติขณะเขาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการภูมิภาค Moquegua ทางตอนใต้ของเปรูช่วงปี 2011-2014 วิซคาร์ราปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ยอมรับคำตัดสินให้พ้นตำแหน่ง
"ประวัติศาสตร์และประชาชนชาวเปรูจะเป็นผู้ตัดสินเรื่องนี้เอง" วิซคาร์รากล่าว
ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ วิซคาร์ราถูกแทนที่โดยหัวหน้าสภาคองเกรส มานูเอล เมริโน
เหตุดังกล่าวทำให้ผู้ประท้วงหลายหมื่นคนออกมาประท้วงต่อต้านการถอดถอนนายวิซคาร์รา โดยกล่าวหาว่า สภาคองเกรสกำลังก่อรัฐประหารในรัฐสภา นายวิซคาร์ราได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่จำนวนมากจากความพยายามของเขาในการปฏิรูปประเทศ
การประท้วงในกรุงลิมาในวันเสาร์ (14 พ.ย.) ส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ แต่เกิดการปะทะกันในช่วงเย็นระหว่างตำรวจและผู้ประท้วง มีรายงานว่าตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนปืนลูกซองเพื่อขับไล่ผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุให้มีผู้ประท้วงวัย 22 ปี และ 24 เสียชีวิต รวม 2 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบคนจากการใช้ความรุนแรงของตำรวจ
หลังข่าวผู้ประท้วงเสียชีวิตแพร่กระจายออกไป ทำให้เมริโนตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งเพียง 5 วัน
ล่าสุด ซากัสติ สมาชิกสภานิติบัญญัติวัย 76 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนของพรรค Partido Morado ได้รับการแต่งตั้งจากสภาคองเกรสให้ดำรังตำแหน่งประธานาธิบดีเปรูแทนที่เมริโน และกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 4 ของเปรูในเวลาไม่ถึง 5 ปี
โรดริเกซมองว่า การไล่วิซคาร์ราจากตำแหน่งอาจเป็นจุดประกายให้เกิดการประท้วงก็จริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด "ฉันคิดว่าผู้คนตระหนักว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการขัดต่อระบอบประชาธิปไตยที่ควรเป็น"
การแต่งตั้งซากัสติขึ้นดำรังตำแหน่งดูจะทำให้ประชาชนคลายความไม่พอใจลงได้บ้าง เนื่องจากพรรคของเขาเป็นพรรคเดียวที่ลงคะแนนคัดค้านการฟ้องร้องวิซคาร์รา
ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรก ประธานาธิบดีคนใหม่ได้ออกมาขอโทษในนามของรัฐสำหรับการเสียชีวิตของผู้ประท้วง และสัญญาว่าจะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บย่างเต็มที่
นอกจากนี้เขายังเรียกร้องให้ชาวเปรูทุกคนร่วมมือกันสร้าง "สาธารณรัฐแห่งความเท่าเทียม"
อย่างไรก็ตามปัญหาต่าง ๆ ในเปรัรากลึกกว่านั้น ชาวเปรูก้าวมาถึงจุดที่ไม่ต้องการการเมืองระดับชาติที่ย่ำแย่และการคอร์รัปชันในหมู่นักการเมือง มีบางพรรคการเมืองจัดตั้งและสลายตัวไปในอัตราที่น่าตกใจ และมักเสนอผู้สมัครที่มีคุณภาพต่ำ
"เราลงเอยด้วยการโหวตเลือกคนที่แย่น้อยที่สุดเท่าที่จะหาได้" โรดริเกซกล่าว แต่เธอย้ำว่าการลงคะแนนเลือกตั้งเป็นสิ่งที่จำเป็น
ซากัสติเห็นด้วย เขาบอกว่า “ผู้นำหลายคนก่อนหน้านี้ไม่สามารถตอบสนองต่อความปรารถนาของชาวเปรูส่วนใหญ่ได้”
ประชาชนบางส่วนเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบที่ควบคุมเกี่ยวกับวิธีการปลดประธานาธิบดี โรดริเกซกล่าวว่า กฎที่ใช้บังคับพรรคการเมืองและผู้สมัครก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเช่นกัน แต่นั่นอาจเป็นไปได้ เพราะ “สภาคองเกรสไม่มีแรงจูงใจให้ทำการปฏิรูปครั้งใหญ่ หากทำ นั่นคือการฆ่าตัวตาย”
หลังจากนื้ ซากัสติมีเวลา 5 เดือนในการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนเมษายน 2021 เป้นช่วงเวลาท้าทายสำหรับเขา เพราะมีทั้งการระบาดของโควิด-19 และความตึงเครียดกับประชาชนที่ไม่พอใจกับชนชั้นผู้นำทางการเมืองที่เอาแต่ขัดแข้งขากันเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก AFP