“ทรัมป์” โพสต์วีดีโอ กล่าวลาตำแหน่งประธานาธิบดี


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ในอีกไม่กี่ชั่วโมง หรือเวลาราวห้าทุ่มครึ่งของบ้านเรา โจ ไบเดน จะเข้าสู่พิธีสาบานตนเพื่อเข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ

สาบานตนสมัย โจ ไบเดน จุดเริ่มต้นสู่จุดสิ้นสุด “ยุคแห่งการแบ่งแยก” ในสหรัฐฯ

เป็นพิธีที่ผู้นำคนใหม่จะประกาศให้คำสัญญาว่าจะปกป้องรัฐธรรมนูญของประเทศ โดยมีคนสำคัญจำนวนมากมาเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

พิธีสาบานตนของโจ ไบเดนครั้งนี้ จะไร้เงาของผู้นำที่กำลังจะอำลาตำแหน่งอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ฉีกธรรมเนียมด้วยการประกาศชัดเจนว่าจะไม่เข้าร่วมงาน

1 วันก่อนพิธีสาบานตนเริ่มขึ้น ทรัมป์เลือกที่จะโพสต์วีดีโอสุนทรพจน์อำลาตำแหน่งของตัวเองบนยูทูบและสุนทรพจน์ที่มีความยาว 20 กว่านาที ทรัมป์ไม่หลุดพูดชื่อของ โจ ไบเดนออกมาเลยในวีดีโออำลาตำแหน่งความยาวกว่า 20 นาที

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มด้วยการบอกว่า ตลอด 4 ปีที่ดำรงตำแหน่ง เขาได้ทำในสิ่งที่ต้องทำ ได้ทำในสิ่งที่สัญญาไว้ นั่นคือให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

มีการสาธยายถึงผลงานและความสำเร็จ นับตั้งแต่การลงนามสันติภาพในตะวันออกกลาง การเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ไม่ได้เริ่มต้นทำสงครามกับใคร รวมไปถึงสนับสนุน ผลักดันให้มีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ผลงานเด่นๆ ของทรัมป์ ที่บางคนก็มองว่าเป็นความสำเร็จ บางคนก็มองว่าขัดต่อคุณค่าของสหรัฐอเมริกา มีตั้งแต่การสร้างกำแพงพรมแดนระหว่างสหรัฐอเมริกากับเม็กซิโกความยาว 640 กิโลเมตร

 

การทำสงครามการค้ากับจีน การปฏิรูปภาษี การแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดสายอนุรักษ์นิยม จนถึงข้อตกลงสันติภาพ และการเจรจาทางการทูตในตะวันออกกลาง อย่างการให้ประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางลงนามยอมรับประเทศอิสราเอล

นอกจากนี้ทรัมป์ยังพูดถึงเหตุการณ์บุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมาว่า ซึ่งอาจจะเป็นภาพที่น่าอับอายที่สุดที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลและการนำของเขา และแน่นอนมีความพยายามที่จะลบล้างภาพบันทึกความทรงจำที่คนมีต่อเขาในฐานะคนที่ปลุกปั่นจนเกิดเหตุการณ์ขึ้น

ผู้นำที่กำลังจะหมดจากอำนาจยอมรับว่า การจลาจลและการบุกเข้าไปในสภาเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ส่วนช่วงสุดท้าย ทรัมป์พูดถึงความรู้สึกที่ต้องลาจากตำแหน่งนี้ไป

เป็นที่น่าสังเกตุว่า สุนทรพจน์อำลาตำแหน่ง ทรัมป์ยังไม่พูดยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งตรงๆ เขาโบกมือลาตำแหน่งด้วยคะแนนความนิยมที่ร้อยละ 34 ซึ่งถือว่าต่ำกว่าประธานาธิบดีคนก่อนๆ ในอดีตและที่สำคัญคือ ในการพูด 20 นาทีกว่าๆ ไม่มีการเอ่ยถึงชื่อของ โจ ไบเดน แม้แต่ครั้งเดียว สะท้อนว่าเขายังคงไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ และน่าจับตาดูว่า ทรัมป์มีแผนอะไรหลังจากหมดจากวาระไปแล้ว

4 ปีของการบริหารประเทศ ทรัมป์ได้ทิ้งร่องรอยให้กับสหรัฐอเมริกาทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและเชิงโครงสร้าง

หลายคนอาจมองว่าเป็น 4 ปีของความวุ่นวาย แบ่งแยก ความล้มเหลวและความอับอายของอเมริกัน แต่อีกด้าน การที่ทรัมป์ได้คะแนนเสียงจากประชาชนกว่า 74 ล้านเสียง เป็นคะแนนเสียงมากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์การเมือง

สะท้อนว่าคนอเมริกันอีกกว่าครึ่งประเทศยังคงเชื่อ ศรัทธาในสิ่งที่ทรัมป์ทำ แม้มันจะขัดต่อคุณค่าของอเมริกาก็ตาม

ในทางใดทางหนึ่ง ทรัมป์ได้เปลี่ยนแปลงสหรัฐอเมริกาไปตลอดกาล ที่ประธานาธิบดีคนใหม่อย่างโจ ไบเดนจะต้องเข้ามารับช่วงต่อในวันที่อเมริกาไม่เหมือนเดิม

และในไม่กี่ชั่วโมงสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง ทรัมป์สั่งอภัยโทษผู้มีคดีติดตัว 73 คน โดยหนึ่งในนั้นคือสตีฟ แบนนอน ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวเอียงขวา Breibart ซึ่งคนที่ทรัมป์แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของทรัมป์ตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีใหม่ๆ ก่อนจะถูกปลดไป โดยเขาถูกตั้งข้อหาโกหกต่อผู้บริจาคในโครงการสร้างกำแพงพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ-เม็กซิโก

ก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่า ทรัมป์ไม่น่าจะอภัยโทษให้แบนนอน เพราะทั้งคู่มีความสัมพันธ์ไม่สู้ดีนักระหว่างที่แบนนอนเป็นที่ปรึกษาให้ทรัมป์

แต่การที่ทรัมป์ตัดสินใจอภัยโทษให้เขาในนาทีสุดท้าย มีการวิเคราะห์ว่า เพราะแบนนอนนั้นกุมสื่อหัวเอียงขวา ที่มีคนฝ่ายขวาในประเทศติดตามอยู่ไม่น้อย และความคิดของแบนอนเองก็ยังได้รับการยอมรับในคนกลุ่มขวาของประเทศด้วย จึงเป็นไปได้ว่าทรัมป์อาจต้องการรักษาฐานเสียงของตัวเองตรงนี้เอาไว้ผ่านการอภัยโทษให้แบนนอน

"ทรัมป์"เก็บตัวเงียบวันสุดท้ายในตำแหน่ง

 

 

 

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ