ชาวเมียนมา แห่แบนสินค้า ธุรกิจกองทัพ

“เจ้ายอดศึก” เตือน รัฐประหารเมียนมา เสี่ยงถูกคว่ำบาตร

ชาวเน็ตในเมียนมาโพสต์รณรงค์แบนสินค้าและธุรกิจต่างๆในเครือของกองทัพเมียนราว 148  รายการเพื่อตอบโต้การกระทำของกองทัพ โดยพวกเขาได้ทำลิสต์สินค้าและธุรกิจแบ่งเป็นสีต่างๆ ตามการใช้งานของประชาชนทั่วไป เช่น สีแดงเป็นสินค้าและบริการที่ใช้มากกว่า 10 ครั้งต่อปี สีเหลืองใช้มากกว่า 2 ครั้งต่อปีและสีเขียวคือใช้น้อยมาก

ส่วนสีม่วงเป็นประเภทธุรกิจและผลิตภัณฑ์ที่ประชาชนใช้มากที่สุด ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจยาสูบ ธุรกิจบันเทิงและการท่องเที่ยว  อาหารและเครื่องดื่ม ร้านค้าปลีก การคมนาคม และบริการด้านสุขภาพ

หนึ่งในนักศึกษาเมียนมาเปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวีว่า กองทัพถือครองธุรกิจจำนวนมากในประเทศ และคนที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจกำลังบอยคอตธุรกิจที่กองทัพถือครองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

"นี่คือสิ่งที่เราทำวันแรกหลังกองทัพยึดอำนาจ ธุรกิจจำนวนมากในประเทศมีกองทัพเป็นเจ้าของ เช่น บริษัทโทรคมนาคม หนึ่งในบริษัทผู้นำด้านโทรคมนาคมในเมียนมา คือ Mytel  ซึ่งก่อตั้งโดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ซึ่งเป็นผู้นำก่อรัฐประหารและมีธุรกิจอีกมากมาย เราไม่ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากบริษัทของกองทัพ เราไม่ใช้ซิมการ์ดเครือข่ายโทรศัพท์ของพวกเขาอีกต่อไป และพยายามจะทำ และเราก็พยายามแบนแอปพลิเคชันของพวกเขา และให้ระดับความพึงพอใจน้อยที่สุด รวมถึงร่วมกันแสดงความเห็นในเชิงลบบนซอฟต์แวร์ของบริษัท และนี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ตอนนี้"

ที่ผ่านมา กองทัพเมียนมาถูกครหาว่าถือครองธุรกิจจำนวนมากในประเทศ และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนออกมาระบุว่า เงินทุนที่กองทัพได้รับจากธุรกิจต่างๆอาจจะถูกนำไปใช้ในการละเมิดสิทธิมนุษยชน

จากรายงานของ "แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล" เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ระบุว่า กองทัพเมียนมีรายได้มหาศาลจาก Myanmar Economic Holdings Limited  (MEHL) ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่กองทัพก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1990 และประกอบกิจการเหมืองแร่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ ธนาคาร และอื่นๆอีกมากมาย

นอกจากนี้ "แอมเนสตี้" ยังพบว่ามีพันธมิตรทางธุรกิจบริษัททั้งในและต่างประเทศที่เชื่อมโยงและดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทของกองทัพอีกจำนวนมาก เช่น บริษัทของเกาหลีใต้ที่ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกเสื้อผ้า ผู้ผลิตเหล็ก ส่วนญี่ปุ่นมี Kirin Holdings ผู้ผลิตเครื่องดื่ม และจีนดำเนินธุรกิจเหมืองทองแดง

อย่างไรก็ตามหลังแอมเนสตี้ออกมาเปิดเผยรายงานดังกล่าวบริษัท Pan-Pacific ของเกาหลีใต้ได้ประกาศถอนตัวเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ MEHL  ส่วนอีก 2 บริษัทขอทบทวนการดำเนินกิจการร่วมกับบริษัทของกองทัพเช่นเดียวกัน

รู้จัก “มินอ่องหล่าย” ผู้นำรัฐประหารเมียนมา