เมียนมาประท้วงเดือด! ตร.ไล่ยิงผู้ชุมนุมกลางย่างกุ้ง - จับนักข่าวญี่ปุ่น
“อองซาน ซูจี-อดีตปธน.เมียนมา” ถูกตั้งข้อหาหลายกระทง
ตามกำหนดการแล้ว วันนี้นางออง ซาน ซู จี จะต้องเข้ารับฟังการพิจารณาคดีของศาลผ่านวีดีโอคอล ก่อนหน้านี้เธอถูกตั้ง 2 ข้อหาคือ การครอบครองวิทยุสื่อสาร Walkie Talkie จำนวน 6 เครื่องอย่างผิดกฎหมาย และละเมิดมาตรการป้องกันโรคระบาด ที่หน้าศาลในกรุงเนปิดอว์ในวันนี้ ไม่พบผู้ชุมนุมที่หน้าศาลอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์
ต่อมาในช่วงบ่าย มีรายงานจากทนายความของนางออง ซาน ซู จี ว่า ขณะที่เธอเข้ารับฟังการพิพากษา ศาลได้เพิ่มข้อหาเธอในวันนี้อีก 2 ข้อหา
ข้อหาแรกคือ ฝ่าฝืนบทกฎหมายข้อ 505B ที่ว่าด้วยเรื่องความยุยงปลุกปั่นที่ทำให้เกิดความกลัวต่อสาธารณะชน หรือ ให้ร้ายแก่รัฐ ข้อหานี้มีโทษคือจำคุก 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งประธานาธิบดีวิน มินต์ ที่ยังถูกจับตัวอยู่ถูกตั้งข้อหานี้ด้วยเช่นกัน
ข้อหาที่สองคือ เธอถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายโทรคมนาคม มาตรา 67 ที่ครอบครองอุปกรณ์พิเศษโดยไม่ได้รับอนุญาต คาดว่าข้อหานี้เป็นการเอาผิดที่เธอครอบครองวิทยุสื่อสาร Walkie Talkie ซึ่งก่อนหน้านี้เธอถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายนำเข้า-ส่งออก จากการครอบครองวิทยุสื่อสารนี้ไปแล้ว
เท่ากับว่าตอนนี้เธอถูกตั้งข้อหาทั้งหมดรวมแล้ว 4 ข้อหา นับเป็นครั้งแรกที่มิน มิน โซ ทนายความของนางซู จี ได้เห็นเธอผ่านวีดีโอคอล เขาระบุว่า จากที่เห็น ซู จี ดูสุขภาพดี โดยการพิจารณาคดีครั้งถัดไปถูกกำหนดขึ้นในวันที่ 15 มีนาคม ซึ่งซู จี ได้ขอให้ทีมทนายความของเธอมาเข้าร่วมพิจารณาคดีในครั้งถัดไปด้วย
ซึ่งก่อนหน้านี้ทนายความของเธอได้แสดงความกังวลว่า การที่เขาไม่ได้ติดต่อกับนางซู จีเลยก่อนหน้านี้ ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ติดต่อสื่อสารกับเธอว่า ข้อมูลหรือเอกสารอะไรที่ต้องใช้ในการว่าความให้เธอ ซึ่งจะนำไปสู่การพิจารณาคดีอย่างไม่ยุติธรรมได้
ขณะที่สถานการณ์การประท้วงในเมียนมาวันนี้ ประชาชนยังคงออกมาประท้วง แม้จะถูกปราบปราบอย่างรุนแรงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นี่คือสภาพของนครย่างกุ้งในเช้าวันนี้ หลังเกิดเหตุปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรงเมื่อวานนี้ ยังคงมีแนวรั้วปรักหักพัง และอิฐบล็อก ก้อนหิน ร่องรอยของการที่ประชาชนพยายามป้องกันตัวจากการถูกยิงปราบปราม
ใบปลิวรูปหน้ามิน ออง หล่าย พร้อมกับคำประกาศว่า เราจะไม่มีวันให้อภัยปลิวว่อนทั่วท้องถนนในเมืองย่างกุ้ง สถานการณ์ในช่วงเช้าดูเหมือนจะสงบ ยังไม่ค่อยมีชาวย่างกุ้งออกมาประท้วงบนท้องถนน แต่ต่อมาในช่วงบ่าย สถานการณ์กลับมารุนแรงอีกครั้ง ชาวเมียนมายังคงลงถนนประท้วง แม้เมื่อวานนี้จะถูกเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปราบปรามอย่างรุนแรง และมีผู้เสียชีวิตไปหลายราย
วันนี้พวกเขาใส่หมวกกันน็อคป้องกันตัวเช่นเคย นำไม้ไผ่มาทำเป็นแนวกั้นจากตำรวจ และนำร่มและโล่มาวางเป็นแนวหน้า
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมจนควันคลุ้งโขมงไปทั่วบริเวณ ผู้ชุมนุมบางรายพยายามใช้ถังดับเพลิงดับควันจากแก๊สน้ำตา
ผู้ชุมนุมต้องช่วยรีบล้างตาผู้ชุมนุมรายอื่นๆ ควันของแก๊สน้ำตาที่คลุ้งโขมงไปทั่ว ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บนอาคารบริเวณนั้นช่วยกันรดน้ำลงมา เพื่อช่วยลดควันที่กำลังเข้าหน้าเข้าตาผู้ประท้วง
นอกจากยิงแก๊สน้ำตาแล้ว เจ้าหน้าที่ยังยิงกระสุนยางใส่ผู้ประท้วงในเมืองย่างกุ้งด้วย
ชายรายนี้ถูกกระสุนยางยิงเข้าที่หลัง ขณะที่อีกรายถูกยิงเข้าที่บริเวณแขน ภาพนี้เผยให้เห็นว่า ตำรวจได้หันมาใช้รถส่วนตัวอย่างรถกระบะ เพื่อแทรกซึมเข้ามาในขบวนผู้ประท้วงได้ง่ายกว่ารถของตำรวจเอง
ขณะที่ภาพนี้เผยให้เห็นเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยราบที่ 77 ของเมียนมา ที่เดินลาดตระเวน และนำการปราบปรามผู้ชุมนุมในเมืองย่างกุ้ง
หน่วยราบที่ 77 เป็นหน่วยที่กองทัพเมียนมาก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1963 หรือหนึ่งปีหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นกองกำลังที่ตั้งขึ้นมาเพื่อปราบปรามคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้นโดยเฉพาะ ซึ่งในการปราบปรามผู้ประท้วงในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าหน่วยทหารราบที่ 77 ถูกนำมาใช้อีกครั้ง
ส่วนที่รัฐฉาน รัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมียนมา เจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม จนผู้ชุมนุมวิ่งหนีอย่างกระเจิดกระเจิง ผู้ชุมนุมต้องช่วยกันล้างตาและปากรถพยาบาลเร่งนำคนเจ็บออกจากพื้นที่
ขณะที่เมืองมัณฑะเลย์ วันนี้เด็กๆ จำนวนมากออกมาร่วมขบวนประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพ
เมืองมัณฑะเลย์ เป็นเมืองที่มีผู้ชุมนุมถูกปราบปรามอย่างรุนแรงเช่นกันเมื่อวานนี้ และมีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย ชาวเมียนมาได้จัดงานศพให้กับชายชาวมุสลิม ผู้ประท้วงที่ถูกยิงเสียชีวิตในเมืองเมาะลำเลิง เมืองหลวงของรัฐมอญเมื่อวานนี้ รายงานเบื้องต้นเชื่อว่าเขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะจนเสียชีวิต การปราบปรามผู้ประท้วงที่นองเลือดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีนายตำรวจอาวุโสรายหนึ่งตัดสินใจลาออก
นายตำรวจคนนี้คือ ว่าที่พลตำรวจตรีติน มิน ตุน สังกัดตำรวจสันติบาลเมียนมา เขาได้ออกมาเฟซบุ๊คไลฟ์เมื่อวานนี้ โดยได้ระบายความคับข้องใจเกี่ยวกับการรัฐประหารของนายพล มิน ออง หล่าย
จนท้ายที่สุดตัดสินใจยื่นใบลาออกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืนกับอาชีพอื่นๆ โดยเขาได้ทิ้งท้ายฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจรายอื่นๆ ว่า จงลงมือกระทำในสิ่งที่ท่านเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะถ้าปล่อยให้กองทัพปกครองประเทศต่อไป ไม่ว่าจะ 20 ปี หรือ 25 ปี เราจะไม่ประสบความสำเร็จ และชาวเมียนมาจะล้มเหลวอีกครั้ง
อีกทั้งยังฝากถึงกองทัพว่า ให้มาจับกุมตัวไปได้เลย แต่สิ่งที่เขาลงมือทำคือการเสียสละเพื่อประเทศชาติ ในการประท้วงต่อต้านรัฐประหารเมียนมาครั้งนี้ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาชูสามนิ้ว เข้าร่วมประท้วงหลายราย ไปจนถึงนายทหารบางรายด้วย