"เยอรมนี" เจอโควิดระลอก 3 รุนแรงเข้าขั้นวิกฤต

โดย PPTV Online

เผยแพร่

เยอรมนีกำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 อย่างรุนแรง ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง สาเหตุสำคัญก็คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่จากสหราชอาณาจักร และการแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ล่าช้า ทำให้ตอนนี้หลายฝ่ายเรียกร้องให้เยอรมนีล็อกดาวน์ประเทศแบบเข้มงวด

ญี่ปุ่นหวั่นโควิดกลายพันธุ์ สาเหตุการระบาดระลอก 4

วิกฤตขาดแคลนวัคซีนอินเดีย ขณะที่ยอดติดเชื้อพุ่ง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เยอรมนีพบผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 16,000 ราย นับเป็นยอดผู้ติดเชื้อที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า เพราะเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เยอรมนีมียอดเคยเพียง 4,000-6,000 รายต่อวัน ที่น่ากังวลก็คือ ผู้ติดเชื้อของเยอรมนีที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนใหญ่คือคนหนุ่มสาว

รายงานจากโรงพยาบาล 70 แห่งทั่วเยอรมนีชี้ว่า คนหนุ่มสาวเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้น ด้วยอาการโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ทำให้เยอรมนีเริ่มเผชิญกับปัญหาผู้ป่วยล้นห้องไอซียู หรือห้องดูแลผู้ป่วยหนักนั่นเอง

ฮาราลด์ แมตเธส ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฮัฟเฟอร์เฮอร์ (Havelhoehe) ในกรุงเบอร์ลินเปิดเผยว่า ยอดผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลอีสเตอร์เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา  โดยในตอนนั้นเยอรมนีไม่ได้สั่งล็อกดาวน์แบบเข้มงวด แต่ได้ขอให้ประชาชนอยู่บ้านและจำกัดกิจกรรมทางสังคม แมตเธสยังเปิดเผยอีกว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ระลอก 3 ของเยอรมนี มีอาการติดเชื้อรุนแรงกว่าผู้ป่วยของระลอก 1 และระลอก 2

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ติดเชื้อของเยอรมนีกลับมาเพิ่มสูงขึ้นก็คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่จากสหราชอาณาจักร ที่มีชื่อว่า B.1.1.7  ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่กำลังแพร่กระจายในไทย โควิดกลายพันธุ์จากสหราชอาณาจักรเรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลมากที่สุด เพราะมันสามารถแพร่กระจายในวงกว้างได้เร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมได้มากถึงร้อยละ 70  และผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่าไวรัสกลายพันธุ์ชนิดนี้อาจลดทอนประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่โลกมีอยู่ด้วย

รายงานเปิดเผยว่า ร้อยละ 90 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ของเยอรมนีคือผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์จากสหราชอาณาจักร โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าไวรัสกลายพันธุ์ชนิดนี้ทำให้อาการติดเชื้อรุนแรงกว่าเดิม

อีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้วิกฤตโรคระบาดในเยอรมนียังคงรุนแรงก็คือ การแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ล่าช้า โดยเกิดจาก 2 ปัจจัยหลักก็คือ  ปัจจัยที่หนึ่งคือ การขนส่งวัคซีนล่าช้า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แอสตราเซเนกา หนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะสามารถขนส่งวัคซีนให้แก่สหภาพยุโรปได้เพียง 1 ล้าน 3 แสนโดส ลดลงครึ่งหนึ่งจากเดิมที่กำหนดจัดส่งให้ประเทศยุโรป 2 ล้าน 6 แสนโดส เนื่องจากความล่าช้าในการตรวจสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน

ปัจจัยที่สองคือ การระงับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาชั่วคราว เพราะกังวลว่าวัคซีนตัวนี้อาจก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุตตัน โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เยอรมนีได้เปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาให้ประชาชนไปมาหลายครั้ง ล่าสุดเยอรมนีได้ระงับการฉีดวัคซีนตัวนี้ให้ประชาชนเกือบทุกวัยแล้ว หลังจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) สรุปว่า อาการภาวะลิ่มเลือดอุดตันคือผลข้างเคียงที่พบได้ยากจากการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เยอรมนีมีประชากรราว 83 ล้านคน

จนถึงขณะนี้ ชาวเยอรมนีราวร้อยละ 15 หรือราว 13 ล้านคนได้หรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 โดส และมีเพียงราวร้อยละ 6 หรือราว 4 ล้าน 9 แสนคนเท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว โดยอัตราการฉีดวัคซีนของเยอรมนีต่อประชากรในประเทศยังคงตามหลังสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และอัตราการฉีดวัคซีนเฉลี่ยของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ด้วย

ขณะเยอรมนีตกอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มานานเกือบ 6 เดือนแล้ว (ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2020) แต่เป็นการล็อกดาวน์แบบไม่เข้มงวด

ภายใต้มาตรการดังกล่าว ขอความร่วมมือให้ประชาชนทำงานจากที่บ้านเท่าที่จะทำได้ และขอความร่วมมือไม่เดินทางไปพื้นที่เสียงหรือ Hotspot หากไม่มีเหตุจำเป็น ร้านค้ายังเปิดให้บริการได้ แต่ประชาชนต้องใส่หน้ากากในสถานที่ที่กำหนด รวมไปถึงในระบบขนส่งสาธารณะทั่วประเทศด้วย สำหรับมาตรการด้านการศึกษา รัฐบาลเยอรมนียังคงให้แต่ละรัฐหรือแต่ละโรงเรียนพิจารณาการเปิดโรงเรียนตามความเหมาะสม

ล่าสุด เจนส์ สปาห์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนี พร้อมกับ โลธาร์ วีลเลอร์ ผู้อำนวยการสถาบันโรเบิร์ต ค็อก (Robert Koch) หรือหน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคของเยอรมนี ได้แถลงการณ์เรียร้องให้เยอรมนีใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มงวด เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 และหลีกเลี่ยงไม่ให้ระบบสาธารณสุขของประเทศล่มสลาย

ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสม ข้อมูลล่าสุดจากเมื่อวานนี้ เยอรมนีมีผู้ป่วยสะสม 3 ล้านราย เสียชีวิตแล้ว 78,500 ราย นับเป็นประเทศอันดับที่ 10 ของโลกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ