สหรัฐฯ จ่ายพันล้านดอลลาร์ จองวัคซีนโควิด-19 ร้อยล้านโดส
จอห์นสันฯ เสนอขายวัคซีนให้ไทยราคาทุน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) และองค์การอาหารและและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) แนะนำให้ศูนย์แจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั่วสหรัฐฯ ระงับการฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ให้ประชาชนชั่วคราว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ ได้รับรายงานภาวะลิ่มเลือดอุดตันในสมองและภาวะเกล็ดเลือดต่ำในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 6 ราย โดยหนึ่งในนั้นได้เสียชีวิตแล้ว
สหรัฐฯ พบผู้ป่วยที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน 6 ราย จากประชากรสหรัฐฯ ที่ได้ฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน แล้วกว่า 6 ล้าน 8 แสนราย
โดยผู้ป่วยทั้ง 6 รายคือผู้หญิง ที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 48 ปี และทั้ง 6 รายมีอาการภาวะลิ่มเลือดอุดตันระหว่าง 6 ถึง 13 วัน หลังเข้ารับการฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
แต่ถึงอย่างนั้น องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ก็ย้ำว่า อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นได้ยากมาก
ด้านนายแพทย์แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐฯ และแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโควิด-19 ของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า อัตราการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดต่ำในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ถือว่าต่ำมาก
โดยโอกาสที่จะมีผู้ป่วยที่เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันนั้น ต่ำกว่า 1 ในล้านคน แต่สหรัฐฯ จะเป็นต้องหยุดการฉีดวัคซีนตัวนี้ชั่วคราว เพื่อการตรวจสอบภาวะไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงประวัติของผู้ป่วยด้วย
โดยขณะนี้สหรัฐฯ ได้แนะนำให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาแทน
ด้านบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้แถลงการณ์ระบุว่า ทางบริษัทได้รับทราบรายงานผู้ป่วยที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังเข้ารับการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ แล้ว พร้อมระบุว่า ทางบริษัทจะเดินหน้าสืบสวนกรณีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงที่ชี้ว่า วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
ตอนนี้ศูนย์ฉีดวัคซีนทั่วสหรัฐฯ ก็ได้ระงับการฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ตามคำแนะนำขององค์การอาหารและยาแล้ว
ด้านผู้รับการฉีดวัคซีนชาวอเมริกันหลายรายต่างพากันยืนยันว่า ประโยชน์จากการฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีมากกว่าความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน คือวัคซีนตัวที่ 3 ที่สหรัฐฯ อนุมัติใช้เป็นการฉุกเฉิน ถัดจาก วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา
การระงับใช้วัคซีนตัวนี้จึงทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า สหรัฐฯ จะมีวัคซีนฉีดไม่เพียงพอสำหรับแจกจ่ายให้ประชาชน
แต่ล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้แถลงการณ์ยืนยันแล้วว่า สหรัฐฯ มีวัคซีนเพียงพอสำหรับประชาชนทุกคนแน่นอน
หลังสหรัฐฯ ระงับการฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ทำให้ประเทศอื่นๆ อย่าง แอฟริกาใต้และสหภาพยุโรปต้องระงับการฉีดวัคซีนตัวนี้เช่นกัน
เมื่อวานนี้ (13 เม.ย.) แอฟริกาใต้ได้ประกาศระงับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนชั่วคราว หลังจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ออกมาแนะนำให้ศูนย์ฉีดวัคซีนทั่วประเทศระงับการฉีดวัคซีนตัวนี้
แอฟริกาใต้ออกมาประกาศระงับใช้วัคซีนตัวนี้ด้วยความสมัครใจ จนกว่าจะมีการตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างการฉีดวัคซีนและภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
ทั้งนี้ แอฟริกาใต้คือประเทศแรกของโลกที่เริ่มฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ให้ประชาชนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยในตอนนั้นแอฟริกาใต้ต้องระงับการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกา และเปลี่ยนมาใช้วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันแทน หลังพบว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกามีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่ ที่มีชื่อว่า B.1.351 ต่ำกว่าเกณฑ์
ซึ่งไวรัสกลายพันธุ์ชนิดนี้ถูกพบแห่งแรกที่แอฟริกาใต้ และตอนนี้กำลังแพร่ระบาดหนักในแอฟริกาใต้เช่นกัน
ด้านสหภาพยุโรปที่อนุมัติใช้วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และกำลังเตรียมแจกจ่ายวัคซีนให้ชาวยุโรปภายในสัปดาห์นี้ ก็ต้องเจอกับปัญหาเรื่องความล่าช้าเช่นกัน เนื่องจากบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้ประกาศระงับแจกจ่ายวัคซีนให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เพื่อสืบสวนกรณีผู้ป่วยภาวะลิ่มเลือดดอุดตันในสหรัฐฯ
สเตลลา ไคเรียคิเดส กรรมาธิการยุโรปด้านสุขภาพและความปลอดภัยอาหารแห่งยุโรป ได้ทวีตข้อความยืนยันการระงับฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
พร้อมระบุว่า ความปลอดภัยของวัคซีนคือสิ่งสำคัญที่สุด