รัฐบาลสหราชอาณาจักรและกลุ่มนักลงทุนเอกชนอัดฉีดเงินทุนสนับสนุนให้กับ โรลส์-รอยซ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตระบบขับดันเครื่องยนต์อากาศยาน ในการพัฒนาเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กเพื่อผลิตพลังงานที่สะอาดกว่ามาใช้
โรลส์-รอยซ์ประกาศเดินหน้าธุรกิจเตาปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็ก (SMR) หลังได้รับเงินทุนสนับสนุน 210 ล้านปอนด์ (9.3 พันล้านบาท) จากรัฐบาลสหราชอาณาจักร และอีก 195 ล้านปอนด์ (8.6 พันล้านบาท) จากนักลงทุนเอกชน รวมกับเงินทุนเดิมของโรลส์-รอยซ์ จะมีงบวิจัยและพัฒนาอยู่ที่ราว 455 ล้านปอนด์ (2 หมื่นล้านบาท)
ทะเลทรายชิลีกลายเป็นที่ทิ้งขยะแฟชั่น
หนุ่มสวิสยอมอดอาหารจนตาย จี้รัฐแก้โลกร้อน
ข้อตกลงที่เกิดขึ้น หลังประชุม COP26 ผ่านไปครึ่งทาง
โรลส์-รอยซ์จะแยกขาธุรกิจนี้ออกมาเป็นบริษัทย่อยที่ดูแลเรื่องเทคโนโลยีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์โดยเฉพาะ โดยโรลส์-รอยซ์หวังว่า บริษัทใหม่นี้จะสามารถสร้างงานได้ถึง 40,000 ตำแหน่งภายในปี 2050 อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์กล่าวว่า สหราชอาณาจักรควรเน้นไปที่การพัฒนาด้านพลังงานหมุนเวียนมากกว่าพลังงานนิวเคลียร์ โดยปัจจุบัน ประมาณ 16% ของการผลิตไฟฟ้าในสหราชอาณาจักรมาจากพลังงานนิวเคลียร์ แต่ครึ่งหนึ่งของเตาปฏิกรณ์เดิมที่ใช้อยู่มีกำหนดจะเลิกใช้ภายในปี 2025 จึงต้องพยายามจัดกาแหล่งพลังงานใหม่
SMR เป็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชันแต่มีขนาดเล็กกว่าเตาปฏิกรณ์ทั่วไป หากพัฒนาสำเร็จ จะนำเสนอต่อกระบวนการกำกับดูแล เพื่อประเมินว่า มีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้งานจริงในสหราชอาณาจักรหรือไม่
นอกจากนี้ บริษัทยังระบุพื้นที่ที่จะสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนเตาปฏิกรณ์และพื้นที่การลงทุนส่วนใหญ่ของกิจการนี้ คาดว่าจะมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ทางตอนเหนือของสหราชอาณาจักร ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์อยู่แล้ว
บรรดารัฐมนตรีต่างหวังว่า SMR รุ่นใหม่จะสามารถนำมาใช้งานจริงได้เร็วกว่าในต้นทุนที่ถูกกว่าการใช้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดใหญ่แบบเดิม เช่น โครงการ Hinkley Point C ขนาด 3,200 เมกะวัตต์ ซึ่งเผชิญกับความเสี่ยงในการก่อสร้างอย่างมหาศาล และมีแนวโน้มว่าต้นทุนและความล่าช้าจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยขณะนี้มีต้นทุนอู่ที่ 2.3 หมื่นล้านปอนด์ (1.02 ล้านล้านบาท)
โรลส์-รอยซ์ให้คำมั่นว่า “จะใช้ความรู้ด้านวิศวกรรม การออกแบบ และสายงานการผลิตที่ยาวนานหลายทศวรรษในการเปิดตัวเตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กเครื่องแรกของบริษัท ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่คล้ายกันในเรือดำน้ำนิวเคลียร์”
บริษัทฯ คาดการณ์เบื้องต้นว่า การทำงานของเตาปฏิกรณ์ตัวใหม่นี้จะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 470 เมกะวัตต์ หรือเพียงพอที่จะให้พลังงานกับบ้าน 1.3 ล้านหลังในสหราชอาณาจักร และมีต้นทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 2 พันล้านปอนด์ (เกือบ 9 หมื่นล้านบาท) ซึ่งมีต้นทุนต่อเมกะวัตต์ถูกกว่าโครงการใหญ่อย่าง Hinkley Point C
ทอม แซมสัน ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่ม SMR ของโรลส์-รอยซ์กล่าวว่า การร่วมทุนดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเพื่อ “ส่งมอบโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่ที่มีต้นทุนต่ำ ปรับใช้ได้ ปรับขนาดได้ และลงทุนได้” เพื่อช่วยให้สหราชอาณาจักรบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
บริษัทฯ หวังว่าจะสร้าง SMR ในระยะเริ่มต้น 5 ตัว โดยจะสามารถใช้งานได้ภายในปี 2031 แล้วจะสร้าง SMR ให้ได้ทั้งหมด 16 ตัว
ด้าน ควาซี ควาร์เต็ง รัฐมนตรีการธุรกิจ พลังงาน และแผนอุตสาหกรรม อธิบายว่า “การเปลี่ยนไปใช้ SMR เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตสำหรับสหราชอาณาจักรในการใช้พลังงานคาร์บอนต่ำมากกว่าที่เคยเป็นมา และรับประกันความเป็นอิสระด้านพลังงานมากขึ้น”
นานาชาติรุมสั่งจอง ยาเม็ดต้านโควิด "ไฟเซอร์" ไทยไม่ฟันธง ติด 90 ประเทศได้ล็อตแรก
เกาหลีใต้ เล็งซื้อยาเม็ดต้านโควิด-19 ไฟเซอร์ 70,000 คอร์ส
เขาเสริมว่า “โครงการ SMR จะเสนอโอกาสที่น่าตื่นเต้นในการลดต้นทุนและการสร้างที่เร็วขึ้น และจะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลของสหราชอาณาจักรในขณะที่สร้างงานและอุตสาหกรรมใหม่ ... ไม่เพียงแต่เราจะสามารถสร้างทรัพย์สินทางปัญญาใหม่ และฟื้นฟูห่วงโซ่อุปทาน แต่ยังวางตำแหน่งประเทศของเราให้เป็นผู้นำระดับโลกในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่เราสามารถส่งออกไปยังที่อื่นได้”
เรียบเรียงจาก BBC / The Guardian
ภาพจาก Rolls-Royce