โควิด-19 สายพันธุ์ “โอไมครอน (Omicron)” กำลังกลายเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศแอฟริกาใต้ภายในเวลาไม่ถึง 4 สัปดาห์หลังจากมีรายงานการตรวจพบอย่างเป็นทางการ
สัญญาณเบื้องต้นที่บ่งชี้ว่า โอไมครอนอาจแพร่ระบาดได้มากกว่าสายพันธุ์รุ่นก่อน ๆ ส่งผลกระทบกับตลาดการเงินและตลาดหุ้นทั่วโลก จากความกังวลของนักลงทุนว่า นานาประเทศอาจกลับมาประกาศใช้มาตรการหรือข้อจำกัดต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงักลง
แพทย์อิสราเอลเชื่อ ตัวเองติดโควิด-19 “โอไมครอน” จาก "ลอนดอน"
เปิดผลทดสอบชุดตรวจ ATK จากแล็บยุโรป หาโอมิครอนได้หรือไม่ พบบางยี่ห้อมีขายในไทย
สถาบันโรคติดต่อแห่งชาติแอฟริกาใต้ (NICD) รายงานว่า ข้อมูลทางระบาดวิทยาในเบื้องต้นบ่งชี้ว่า โอไมครอนสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันบางอย่างได้ แต่อย่างไรก็ตาม วัคซีนโควิด-19 ที่มีอยู่ยังคงน่าจะป้องกันการป่วยร้ายแรงและการเสียชีวิตจากโควิด-19 โอไมครอนได้
โดยปัจจุบัน ข้อมูลจากฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมไวรัส GISAID ระบุว่า ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในแอฟริกาใต้ ตัวอย่างจีโนมไวรัสที่นำมาจัดลำดับมีอยู่ 74% เป็นสายพันธุ์โอไมครอน หรือพูดง่าย ๆ คือ 3 ใน 4 ของตัวอย่างจากผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่
ขณะที่รองลงมา ประเทศกานา พบโอไมครอนคิดเป็น 60% ของตัวอย่างจีโนมไวรัส หรือเกินครึ่งของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 4 สัปดาห์ และบอตสวานาพบโอไมครอน 30% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ส่วนประเทศที่เหลือ พบโอไมครอนในระดับ 0-1% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศนั้น ๆ
ในช่วงที่มีข่าวการค้นพบโควิด-19 โอไมครอน อัตราการติดเชื้อโควิด-19 โดยภาพรวมของแอฟริกาใต้ก็สูงขึ้น ในระดับที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขนิยามว่าเป็น “สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง”
จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ของแอฟริกาใต้ เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยประมาณ 300 รายต่อวันเป็น 1,000 รายต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว และเมื่อวานซืน (30 พ.ย.) อยู่ที่ประมาณ 4,300 ราย แต่เมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึงกว่า 8,500 ราย เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของจำนวนผู้ป่วยใหม่ในวันก่อนหน้า
ดร.มิเชลล์ กรูม หัวหน้า NICD กล่าวว่า “การเพิ่มขึ้นเป็นแบบทวีคูณ และจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแต่ละวันนั้นถูกขับเคลื่อนโดยสายพันธุ์โอไมครอน”
ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ไม่ควรตื่นตระหนกโควิด “โอไมครอน” มากเกินไป
เกาหลีใต้ระงับคลายล็อกเพิ่ม โควิดพุ่งนิวไฮ - พบเคสสงสัย "โอไมครอน"
เรียบเรียงจาก Reuters / The Guardian