งานวิจัยนี้ศึกษาการตั้งครรภ์ของผู้หญิง 46,000 คน โดย 1 หมื่นคนได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 โดสระหว่างการตั้งครรภ์ ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2020 จนถึงเดือนกรกฎาคม ปี 2021 ขณะที่เกือบทุกคนได้รับวัคซีนชนิด mRNA จากโมเดอร์นาหรือไฟเซอร์-ไบออนเทค โดยมี 4 เปอร์เซ็นต์ที่ฉีดวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
ผู้หญิงกลุ่มที่ฉีดวัคซีนในการศึกษานี้ เกือบทุกคนได้รับวัคซีนระหว่างตั้งครรภ์ในช่วง 6 เดือน หรือ 9 เดือน มีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับวัคซีนในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
สหรัฐฯ อนุมัติฉีดวัคซีนโควิดไฟเซอร์เข็มกระตุ้นให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป
CDC เผย ไม่ฉีดวัคซีนโควิด-19 เสี่ยงเข้าโรงพยาบาลมากกว่าคนฉีด 29 เท่า
นักวิจัยพบว่าในจำนวนการตั้งครรภ์ทั้งหมด 6.6 เปอร์เซ็นต์ เป็นการคลอดก่อนกำหนด โดยผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน อัตราคลอดก่อนกำหนดอยู่ที่ 7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กลุ่มที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส อยู่ที่ 4.9 เปอร์เซ็นต์
ส่วนกรณีของทารกที่เกิดมาตัวเล็กหรือพัฒนาน้อยกว่าปกติ นักวิจัยไม่พบความแตกต่างระหว่างกลุ่มที่ฉีดวัคซีนแล้วและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยอัตราสำหรับทั้งสองกลุ่มอยู่ที่ 8.2 เปอร์เซ็นต์
ลงทะเบียนฉีดวัคซีนเข็ม 3 “ไฟเซอร์” ผ่านเครือข่ายมือถือ เริ่ม 7 ม.ค. 65
ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงในทารกที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์นั้นอยู่ในระดับต่ำ แต่นักวิจัยก็ระบุว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ป่วยโควิดแบบแสดงอาการ มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 70 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ และมีความเสี่ยงที่จะเข้ารักษาตัวในห้องฉุกเฉินมากกว่าสองเท่า
ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยจึงสรุปว่า งานวิจัยนี้เป็นหลักฐานอีกชิ้นที่สนับสนุนว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ระหว่างที่ตั้งครรภ์นั้นมีความปลอดภัย
ผู้หญิงตั้งครรภ์ในสหรัฐฯ มีถึง 2 ใน 3 ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากหลายคนกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย
"เช็ก 5 อาการโอมิครอน" ที่แพทย์ตรวจพบในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด
ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกันยายน ทาง CDC เคยออกมาขอให้ผู้ที่กำลังจะมีบุตรไปฉีดวัคซีน เพราะโรคโควิด-19 อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งแม่และทารกได้