นายดมีโทร คูเลอบา รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของยูเครนเปิดเผยว่า ทางรัฐบาลยูเครนกำลังเรียกร้องให้มีการประชุมร่วมกับรัสเซีย เพื่อให้รัสเซียอธิบายว่าเพราะเหตุใด รัสเซียจึงมีการประจำการกองกำลังจำนวนมากไว้ที่ริมชายแดน โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลยูเครนได้ยื่นคำถามอย่างเป็นทางการไปถึงรัสเซีย แต่รัสเซียกลับเพิกเฉย ดังนั้นขั้นตอนต่อไปหลังจากนี้คือการเรียกร้องให้มีการจัดประชุมเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมงต่อจากนี้
หลายชาติแจ้งพลเรือนเร่งอพยพจากยูเครน
ผู้นำยูเครนเตือนเสี่ยงทำสงครามเต็มรูปแบบกับรัสเซีย
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยูเครนขอคำตอบจากรัสเซีย ภายใต้กฎ Vienna Document ซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงที่ได้รับการรับรองจากสมาชิกขององค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป หรือโอเอสซีอี ซึ่งรัสเซียเป็นสมาชิกอยู่ด้วย
ด้านชาติตะวันตกบางส่วนเตือนว่า รัสเซียกำลังเตรียมการบุกยูเครน ซึ่งสหรัฐระบุว่า รัสเซียอาจจะเริ่มต้นด้วยการทิ้งระเบิดทางอากาศได้ทุกเวลา โดยก่อนหน้านี้ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ระบุว่าขณะนี้รัสเซียได้สะสมกำลังทหารตามแนวพรมแดนที่ติดกับยูเครนในระดับที่มากพอต่อการเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ และอ้างการประเมินของหน่วยข่าวกรองว่า พบความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะเปิดฉากการโจมตีกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนอย่างรวดเร็ว ซึ่ง ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน อาจสั่งให้กองทัพบุกยูเครนก่อนที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในประเทศจีน จะเสร็จสิ้นในวันที่ 20 ก.พ.นี้
นอกจากนี้ยังมีรายงานคาดการณ์ว่า เร็วที่สุด รัสเซียอาจจะเริ่มบุกในวันพุธที่จะถึงนี้เลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ จอห์น เคอร์บี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ ปฏิเสธที่จะยืนยันรายงานดังกล่าว ที่ชี้ว่า อาจมีการบุกยูเครนในวันพุธนี้ โดยเคอร์บี้บอกว่า เขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะยืนยันรายงานเหล่านั้น แต่ก็บอกด้วยว่า ความเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียอาจเกิดขึ้นได้ทุกวัน
นอกจากนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ยังมีความพยายามแก้ไขวิกฤตยูเครนผ่านวิธีทางการทูต โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ต่อสายตรงหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เป็นเวลา 1 ชั่วโมง แต่ดูเหมือนว่า หลังการหารือจบ จะไม่ได้มีความคืบหน้าเท่าใดนัก โดยประธานาธิบดีไบเดน ระบุว่า รัฐบาลวอชิงตันและพันธมิตรจะตอบโต้ขั้นเด็ดขาด และรัฐบาลมอสโกจะต้องเผชิญกับผลกระทบที่ตามมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง หากตัดสินใจเปิดฉากบุกยูเครน
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีปูตินมีส่วนร่วมในการลดระดับความรุนแรงและใช้การทูตแทน เนื่องจากการรุกรานจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้คนเป็นจำนวนมาก และจะลดฐานะของรัสเซียในประชาคมโลก
ด้านทำเนียบเครมลินของรัสเซีย ระบุว่า การหารือดังกล่าวระหว่างประธานาธิบดีไบเดนและประธานาธิบดีปูติน มีขึ้นขณะที่สหรัฐฯ และพันธมิตร กำลังตกอยู่ในภาวะโรคประสาทหวาดผวาหรือฮิสทีเรียขั้นสูงสุด พร้อมเปิดเผยว่า ผู้นำรัสเซียกล่าวกับประธานาธิบดีไบเดนว่า วอชิงตันและชาติตะวันตก ล้มเหลวในการแก้ข้อกังวลด้านความมั่นคงของรัฐบาลมอสโก แต่ผู้นำทั้งสองจะยังพูดคุยกันต่อไป
หลังจากนั้นเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีไบเดนได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนต่อ โดยทางสหรัฐยืนยันว่าจะมีการตอบโต้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาด หากว่ารัสเซียบุกยูเครนอย่างแน่นอน
ส่วนนับจนถึงขณะนี้ มีประเทศต่างๆกว่า 10 ประเทศที่เรียกร้องให้พลเมืองของตนเองเดินทางออกจากยูเครน โดยบางประเทศสั่งถอนเจ้าหน้าที่ในสถานทูตออกจากกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนแล้ว และสำนักข่าวซีบีเอสนิวส์ยังรายงานด้วยว่า สหรัฐก็เตรียมความพร้อมที่จะถอนบุคลากรทั้งหมดออกจากกรุงเคียฟภายในเวลา 48 ชั่วโมงถัดจากนี้ โดยมีการอ้างอิงแหล่งข่าวสามแห่งด้วยกัน
นอกจากนี้ หลายชาติยังได้ย้ายสถานทูตจากกรุงเคียฟ ไปยังเมืองโอวีฟ ซึ่งอยู่ยูเครนฝั่งตะวันตก ไกลจากชายแดนรัสเซีย โดยตั้งอยู่ห่างจากชายแดนโปแลนด์ราว 70 กิโลเมตร ทั้งแคนาดา สหรัฐและออสเตรเลีย ส่วนเยอรมนีตัดสินใจย้ายสถานกงสุลที่อยู่ในเมืองดนีโปรมายังเมืองโอวีฟเช่นกัน แต่ทางกระทรวงต่างประเทศของเยอรมนียืนยันว่า สถานทูตในกรุงเคียฟยังคงเปิดให้บริการอยู่