นายวิตาลี คลิตช์โก (Vitali Klitschko) นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟของยูเครน ประกาศขยายระยะเวลาการบังคับใช้คำสั่งเคอร์ฟิว ระหว่างเวลา 17.00 นาฬิกา จนถึง 8.000 นาฬิกาของอีกวัน โดยให้มีผลตั้งแต่ช่วงค่ำของวันเสาร์จนถึงช่วงเช้าของวันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น จากเดิมที่เคอร์ฟิว ระหว่างเวลา 22 นาฬิกา – 07.00 นาฬิกา โดยระบุว่าบุคคลใดก็ตามที่พบอยู่นอกเคหสถานจะถือว่าเป็นสมาชิกกลุ่มก่อวินาศกรรมของรัสเซีย
ชาวรัสเซียออกมาประท้วงต่อต้านการบุกยูเครน กว่า 1,700 คนถูกตำรวจจับ
“ยูเครน” ต้าน “รัสเซีย” ไหวหรือไม่ เมื่อกำลังรบน้อยกว่าราว 3 เท่า
ขณะที่ สื่อต่างชาติรายงานว่า สัญญาณเสียงไซเรนเตือนภัยการโจมตีทางอากาศดังขึ้นทั่วกรุงเคียฟ และระบุด้วยว่า ยูเครนประกาศให้ผู้ที่อยู่ในกรุงเคียฟ เดินทางไปยังหลุมหลบภัยที่ใกล้ที่สุด เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่กองกำลังรัสเซียจะโจมตีทางอากาศถล่มเมืองหลวงอย่างหนักหน่วงด้วยอาวุธทั้งหมดที่มี
ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะมีรายงานว่า เกิดการระเบิดรุนแรง 2 ครั้ง ส่งผลให้ท้องฟ้ายามกลางคืนในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเคียฟ กลายเป็นสีส้มนานหลายนาที เมื่อช่วงเช้ามืด ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมระบุด้วยว่า เหตุระเบิดครั้งนี้อยู่ห่างออกไปประมาณ 20 กิโลเมตร จากใจกลางเมืองหลวงยูเครน
ขณะที่ สถานการณ์สู้รบในยูเครนเมื่อวานนี้ ยังคงตึงเครียดหนัก เสียงระเบิด และเสียงปืนยังดังขึ้นเป็นระยะ กองกำลังรัสเซียเข้าควบคุมสนามบินฮอสโทเมล ทางตะวันตกของกรุงเคียฟ เอาไว้ได้อีกครั้ง และเข้าโจมตีฐานทัพแห่งหนึ่งใกล้กับกรุงเคียฟ แต่กองทัพยูเครนกล่าวว่ากำลังพลสามารถต้านทานเอาไว้ได้
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในกรุงเคียฟ ยังถูกโจมตีด้วยจรวดขีปนาวุธของรัสเซีย สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับตัวอาคาร ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คนและบาดเจ็บอาการสาหัส 6 คน เมื่อวานนี้
รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขยูเครนรายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากการรุกรานของรัสเซีย เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 198 คนแล้ว ในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย 3 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 1,000 คน แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ตัวเลขดังกล่าวนับเฉพาะพลเรือน หรือรวมเจ้าหน้าที่ทหารด้วย
ด้าน นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ของเยอรมนี ประกาศว่า รัฐบาล จะจัดส่งอาวุธต่อต้านรถถังจำนวน 1,000 กระบอกและขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศ 500 ลูกของกองกำลังป้องกันสหพันธรัฐ ให้กับยูเครน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายครั้งสำคัญของรัฐบาลเบอร์ลิน ซึ่งเดิมห้ามการส่งอาวุธไปยังพื้นที่ความขัดแย้ง
ผู้นำเยอรมนีระบุว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซียถือเป็นจุดเปลี่ยน เป็นหน้าที่ของเราที่จะทำให้ดีที่สุดเพื่อสนับสนุนยูเครนในการป้องกันตนเองจากการรุกรานของกองทัพของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย
ด้านเนเธอร์แลนด์ที่ประกาศว่าจะจัดส่งอาวุธต่อต้านรถถังพันแซร์เฟาสท์-3 (Panzerfaust-3) จำนวน 50 กระบอก และจรวด 400 ลูกให้กับยูเครน และกำลังพิจารณาร่วมกับเยอรมนีว่า จะส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต ไปยังกองกำลังตอบโต้ของนาโต หรือเอ็นอาร์เอฟ (NRF) ที่ประจำการอยู่ในสโลวาเกีย
เช่นเดียวกับทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุว่า ฝรั่งเศสจะส่งยุทโธปกรณ์ทางทหารและเชื้อเพลิงไปยังยูเครนเพิ่มเติม
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้กระทรวงต่างประเทศ จัดส่งอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหาร มูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 11,000 ล้านบาทให้แก่ยูเครนเพิ่มเติม โดยยุทโธปกรณ์ที่ส่งให้ยูเคนในครั้งนี้ รวมถึง อาวุธต่อต้านรถถัง ปืนขนาดเล็ก และเครื่องกระสุนหลากหลายชนิด เพื่อสนับสนุนการป้องกันในแนวหน้าการสู้รบ
ล่าสุด สหรัฐฯ แคนาดา สหภาพยุโรปหรืออียู (EU) และชาติพันธมิตร เห็นชอบตัดธนาคารรัสเซียหลายแห่ง ออกจากระบบ “SWIFT” ระบบการชำระเงินระหว่างประเทศที่เชื่อมต่อธนาคารและสถาบันการเงินหลายพันแห่งทั่วโลก เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียที่เปิดฉากรุกรานยูเครน