เมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.พ.) ที่ผ่านมา เบลารุส ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของยูเครน และเป็นหนึ่งในพันธมิตรของรัสเซีย ได้จัดให้มีการลงประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เบลารุสเพิกถอนสถานะ “รัฐไร้นิวเคลียร์” และสามารถถือครองอาวุธนิวเคลียร์ได้ หลังตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีนับแต่สหภาพโซเวียตล่มสลาย ไม่เคยมีอาวุธนิวเคลียร์บนแผ่นดินเบลารุสเลย
โดยในช่วงสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เบลารุสกลายเป็นเหมือนที่ตั้งแท่นยิงจรวดของกองทัพรัสเซียในการบุกยูเครน
EU แบนเครื่องบินรัสเซียจากน่านฟ้ายุโรป
เมื่อโลกเสี่ยงสงครามนิวเคลียร์ สิ่งที่ต้องรู้เมื่อปูตินสั่งเตรียมพร้อม
ปูตินสั่งหน่วยรบนิวเคลียร์ “เตรียมพร้อมต่อสู้” ส่อเค้าสงครามนิวเคลียร์
สำนักข่าวของรัสเซียรายงานว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเบลารุสได้อนุมัติการปฏิรูปรัฐธรรมนูญที่จะอนุญาตให้ประเทศถือครองอาวุธนิวเคลียร์ได้ โดยอ้างคณะกรรมการการเลือกตั้งของเบลารุสว่า มีประชาชนประมาณ 65.2% เห็นด้วยกับการถือครองนิวเคลียร์
ผลที่ออกมาไม่น่าแปลกใจ เพราะเบลารุสปกครองโดยประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ซึ่งปกครองแบบเผด็จการมาเป็นเวลา 27 ปีแล้ว แม้จะเคยมีการเลือกตั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ในการเลือกตั้งที่ผ่าน ๆ มา มีการกล่าวหาว่าลูคาเชนโกโกงผลการเลือกตั้งมาโดยตลอด เคยเกิดการประท้วงใหญ่ แต่ก็ยังไม่สามารถโค่นลูกาเชนโกลงได้
เมื่อประชามตินี้ผ่าน เท่ากับว่า อาวุธนิวเคลียร์จะกลับคืนสู่แผ่นดินเบลารุสได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991
ลูคาเชนโกกล่าวที่หน่วยเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เขาสามารถขอให้รัสเซียคืนอาวุธนิวเคลียร์ให้กับเบลารุสได้
“หากชาติตะวันตกส่งอาวุธนิวเคลียร์ไปยังโปแลนด์หรือลิทัวเนีย ไปยังพรมแดนของเรา ผมจะติดต่อปูตินเพื่อขออาวุธนิวเคลียร์ที่ผมเคยมอบให้โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ คืนมา” ลูกาเชนโกกล่าว
การลงประชามติปลดสถานะรัฐไร้นิวเคลียร์ของเบลารุสนี้ จะเปิดทางให้ความร่วมมือทางทหารกับรัสเซียแข็งแกร่งขึ้น จะทำให้รัสเซียสามารถส่งกองกำลังไปยังดินแดนเบลารุสภายใต้ข้ออ้างของการฝึกซ้อมทางทหารได้ และจากนั้นก็จะส่งกองทัพเข้าสู่ยูเครนเพื่อบุกโจมตีต่อไป
การปฏิรูปดังกล่าวยังช่วยขยายอำนาจของลูคาเชนโก ให้ยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้จนถึงปี 2035 หรืออีกมากกว่า 10 ปี และให้โล่ป้องกันแก่เขาตลอดชีวิตจากการถูกฟ้องร้องย้อนหลัง หากในวันหน้าเขาออกจากตำแหน่ง
ก่อนหน้านี้ ในการเลือกตั้งเบลารุส 2020 เคยเกิดการประท้วงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่และถอดถอนลูคาเชนโก เพราะเชื่อว่าเขาโกงผลการเลือกตั้ง แต่ผลลัพธ์คือมีผู้ประท้วงกว่า 35,000 รายถูกจับกุม และมีหลายพันคนถูกทุบตี บุคคลสำคัญในฝ่ายค้าน รวมถึง เซวียตลานา ซิคานูสกายา ซึ่งเป็นคู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็ต้องลี้ภัยออกจากประเทศพร้อมกับชาวเบลารุสหลายพันคน
ก่อนหน้านี้ ซิคานูสกายาเรียกร้องให้ชาวเบลารุสใช้การลงประชามติเพื่อประท้วงต่อต้านการทำสงครามกับยูเครน
“เป็นเวลานานที่ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มเรียกร้องอย่างไร คุณจะเรียกร้องการกระทำที่กล้าหาญจากคนที่อยู่ในความกลัวมาเป็นเวลานับปีได้อย่างไร?” เธอกล่าว
ซิคานูสกายายังเสริมว่า “สงครามที่เราถูกลากเข้าไปมีส่วนร่วมได้เริ่มต้นแล้ว ... แต่จนถึงตอนนี้ ชาวเบลารุสยังไม่ได้ประกาศต่อสาธารณะว่าพวกเขาต่อต้านสงคราม พวกเขาไม่ได้แสดงความตั้งใจนี้ต่อชาวยูเครนผ่านการกระทำเลย ฉันมีสิทธิที่จะขอให้คุณลุกขึ้นมามั้ย? อาจจะไม่ แต่ฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองถ้าฉันไม่พยายาม”
เรียบเรียงจาก Al Jazeera
ภาพจาก AFP