เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ผู้นำยูเครนแถลงผ่านระบบประชุมทางไกลต่อที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ โดยยืนยันว่ายูเครนจะต่อสู้กับรัสเซียจนถึงที่สุดในทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเป็นในป่า ทุ่งนา บนชายฝั่ง หรือบนถนน เราจะสู้ไม่ถอยเพื่อแผ่นดินของเรา ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไร
ถ้อยแถลงดังกล่าวของเซเลนสกี คล้ายคลึงกับสุนทรพจน์ปลุกใจของ วินสตัน เชอร์ชิล อดีตนายกฯอังกฤษ สมัยสงครามโลก ซึ่งหลังพูดจบ สมาชิกรัฐสภาต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนปรบมือชื่นชม
ปธน.ยูเครน จวกรัสเซียทำลายสันติภาพ หลังเซ็นรับรองเอกราช 2 แคว้น
ยูเครนส่งสัญญาณถอดใจ ไม่ดึงดันเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตแล้ว
นอกจากนี้ เซเลนสกียังเรียกร้องให้ชาติตะวันตกยกระดับคว่ำบาตร เพิ่มการสนับสนุนด้านการทหาร และประกาศ "เขตห้ามบิน" (no-fly zone) เหนือน่านฟ้ายูเครนด้วยท่าทีแข็งกร้าวของผู้นำยูเครนมีขึ้น แม้ว่าคืนก่อนหน้านั้น เขาจะให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ ABC News ของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะไม่ดึงดันขอเข้าเป็นสมาชิกนาโตอีกต่อไป
เซเลนสกี ระบุว่า ตนใจเย็นลงในประเด็นนี้มาสักพักแล้ว หลังจากตระหนักว่า นาโตยังไม่พร้อมอ้าแขนรับยูเครน เหล่าพันธมิตรกลัวจะต้องขัดแย้งและเผชิญหน้ากับรัสเซีย และเขาเองก็ไม่ต้องการจะเป็นประธานาธิบดีของประเทศที่ต้องคุกเข่าอ้อนวอนขออะไรบางอย่างจากใคร
นอกจากนี้ เซเลนสกียังระบุว่า ตนเปิดกว้างสำหรับการเจรจาประนีประนอม เรื่องสถานะของ 2 แคว้นกบฏฝักใฝ่รัสเซีย
ซึ่งทั้งประเด็นเข้าร่วมนาโต และการรับรอง 2 แคว้นกบฏเป็นรัฐอิสระ ล้วนเป็นประเด็นละเอียดอ่อน และเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่รัฐบาลรัสเซียใช้อ้างความชอบธรรมในการยกพลรุกรานยูเครน
ส่วนสถานการณ์การสู้รบ ฝั่งยูเครนระบุว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียได้ชะลอปฏิบัติการโจมตีและหลีกเลี่ยงการยิงถล่มเป้าหมายที่เกี่ยวกับพลเรือนในหลายพื้นที่ พร้อมๆ กับการเปิดเส้นทางอพยพรอบใหม่ โดยรับปากจะให้ผู้อพยพเลือกปลายทางเองได้
เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) มีภาพของประชาชนเกือบ 3,500 คน อพยพออกจากเมืองซูมี ที่ถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อม ซึ่งนับเป็นการอพยพโดยใช้เส้นทางหยุดยิงที่ตกลงไว้กับรัสเซียเป็นครั้งแรก โดยในจำนวนประชาชนที่อพยพ มีนักศึกษาต่างชาติรวมถึงอยู่ด้วยเกือบ 2 พันคน
ที่เมืองเอียร์ปิน (Irpin) ใกล้กับกรุงเคียฟ ก็มีประชาชนอพยพออกมาได้บางส่วนเช่นกัน แต่เมืองท่าสำคัญอย่าง มารีอูปอล ยังมีรายงานการโจมตี ทำให้ประชาชนจำนวนมากยังติดอยู่ในพื้นที่
ข้อมูลล่าสุดจากสหประชาชาติชี้ว่า ขณะนี้มีชาวยูเครนลี้ภัยการสู้รบออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน