ในประเทศไทยมีการประกาศขึ้นราคาสินค้าหลายรายการรวมถึงเหล็กซึ่งเป็นวัสดุสำคัญที่ใช้ในการก่อสร้างซึ่งจะมีผลทำให้ต้นทุนการก่อสร้างต่างๆสูงขึ้น สินค้าหลักอีกอย่างคือ หมวดอาหาร ทั้งรัสเซียและยูเครนเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก ล่าสุด องค์การสหประชาชาติออกมาเตือนว่า สงครามที่ยืดเยื้อทำให้เกษตรกรในยูเครนทำการเพาะปลูกไม่ได้ และโลกกำลังเข้าสู่ภาวะขาดแคลนอาหารโดยเฉพาะในประเทศยากจน
รัสเซียมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล และถึงแม้พื้นที่จำนวนมากจะไม่เหมาะต่อการเพาะปลูก โดยพื้นที่ที่เหมาะสมในการทำเกษตรกรรม มีเพียงราวร้อยละ 13 ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ แต่ความกว้างใหญ่ของรัสเซียก็ยังทำให้รัสเซียติดอันดับประเทศที่มีพื้นที่ทำการเกษตรเป็นอันดับ 3 ของโลก
ส่วนยูเครนเป็นประเทศที่มีพื้นที่เกษตรกรรมอันดับ 9 ของโลก พื้นที่จำนวนมากเป็นดินดำที่มีความอุดมสมบูรณ์ ยูเครนจึงได้รับฉายาว่า the breadbasket of Europe หรือ ‘ตระกร้าขนมปังของยุโรป’ จำนวนมากของข้าวสาลี ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน ธัญพืช วัตถุดิบตั้งต้นของอาหารหลักหลายอย่างที่ทั่วโลกบริโภคมาจากทั้งสองประเทศนี้
รัสเซียเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่วนยูเครนอยู่ที่อันดับ 5 ทั้งสองประเทศส่งออกข้าวบาร์เลย์รวมกันเป็นร้อยละ 19 ข้าวสาลีร้อยละ 14 และข้าวโพด ร้อยละ 4 รวมแล้วการส่งออกธัญพืชของสองชาติมีสัดส่วนมากกว่าหนึ่งในสามของการส่งออกทั่วโลก
นอกจากนี้ยังมีผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ได้แก่ น้ำมันดอกทานตะวันและน้ำมันเรพซีด รวมถึงปุ๋ยและสารเคมีทางการเกษตร ซึ่งรัสเซียเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อีกด้วย
ปกติในช่วงเวลาแบบนี้ เกษตรกรในยูเครนจะเริ่มพลิกเตรียมดินเพื่อทำการเกษตร แต่สงครามทำให้เกษตรกรจำนวนมากต้องไปจับปืนสู้กับทหารรัสเซีย การทำการเกษตรจึงทำได้เฉพาะในบางพื้นที่เท่านั้น เช่นใกล้กับเมืองโอเดสซาทางตอนใต้ที่ยังไม่ถูกการโจมตีจากรัสเซีย
เกษตรกรรายนี้กำลังเตรียมดินเพื่อปลูกดอกทานตะวันสำหรับทำน้ำมันพืชการทำการเกษตรเต็มไปด้วยข้อจำกัด เพราะอาจถูกโจมตีเมื่อไหร่ก็ได้ เกษตรกรจึงต้องแบ่งเวรและกำลังไปเพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วย
อีกหนึ่งความท้าทายของเกษตรกรที่ยังพอเพาะปลูกได้คือ การขาดแคลนเชื้อเพลิง เนื่องจากถูกทำลายคลังเก็บน้ำมัน รวมถึงเส้นทางการขนส่งถูกตัดขาดเป็นจำนวนมาก
มีรายงานว่า รัฐบาลยูเครนพยายามสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรที่ยังทำการเพาะปลูกได้ ทำการเกษตรต่อไปเพื่อเป็นเสบียงหรือคลังสำรองอาหารในกรณีที่สงครามยืดเยื้อ หากเหลือจึงจะส่งออก
แต่การส่งออกดูเหมือนจะไม่มีทาง เพราะล่าสุดโครงการอาหารโลกของยูเอ็นออกมาเตือนว่า สภาวะเช่นนี้ทำจะทำให้เกษตรกรยูเครนไม่มีผลผลิตเหลืออย่างแน่นอน และจะส่งผลต่อราคาอาหารทั่วโลกที่จะสูงขึ้น และบางประเทศอาจจะถึงขั้นเลวร้ายคือ ราคาสูงมากจนไม่สามารถที่จะซื้อกินได้เลย
ทั้งนี้ราคาอาหารที่สูงขึ้นไม่ได้มาจากผลผลิตที่น้อยลงอย่างเดียว แต่เกิดจากค่าขนส่งที่แพงขึ้นจากความลำบากในการขนส่งและราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น
เดวิด บีสลีย์ ผู้อำนวยการใหญ่โครงการอาหารโลกขององค์การสหประชาชาติระบุว่า หายนะที่เกิดจากขาดแคลนอาหารจะรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
บีสลีย์ระบุว่า ประเทศที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือประเทศในแอฟริกา ตะวันออกกลาง รวมถึงอัฟกานิสถานที่ขณะนี้ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยอาหารจากโครงการอาหารโลก โดยเขาระบุร้อยละ 50 ของอาหารในคลังของโครงการอาหารโลกมาจากประเทศยูเครน