อิสราเอลไม่พอใจหนักหลังรัสเซียพูดบิดเบือนเรื่อง"ยิว"

โดย PPTV Online

เผยแพร่

หนึ่งในเหตุผลที่รัสเซียใช้เพื่อสนับสนุนความชอบธรรมในการบุกยูเครนคือ เพื่อต้องการปลดปล่อยชาวรัสเซียในยูเครนจากพวกนาซี โดยรัสเซียระบุว่า รัฐบาลของยูเครนตอนนี้เป็นพวกนีโอนาซี ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีออกมาสวนกลับทันที โดยเขาระบุว่า เขาจะเป็นนาซีได้อย่างไร เพราะตัวเขามีเชื้อสายยิว และปู่ก็เคยเคยเข้าร่วมกับหน่วยทหารราบโซเวียตยืนหยัดสู้รบกับนาซี

การให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับสถานีโทรทัศน์ของประเทศอิตาลี รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียระบุว่า ประธานาธิบดีเซเลนสกีบอกว่าเขาไม่ได้เป็นนาซีเพราะเขาเป็นชาวยิว แต่ในความเป็นจริงฮิตเลอร์ก็มีเลือดยิว

การพูดแบบนี้ของรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียทำให้อิสราเอลไม่พอใจอย่างมาก และเรียกร้องให้รัสเซียขอโทษทันที

แต่ที่มากกว่าความโกรธคือ เราต้องจับตาดูว่า อิสราเอลซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังรักษาความสัมพันธ์กับรัสเซียอาจมีการเปลี่ยนท่าที ซึ่งจะส่งผลต่อฉากทัศน์ของสงครามแน่นอน

โลกเสี่ยงเผชิญหายนะด้านอาหาร ผลจากสงครามยูเครน

รัสเซียทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปท่ามกลางสงครามในยูเครน | 21 เม.ย. 65 | รอบโลก DAILY

ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อของอิตาลีชื่อ Mediaset รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ ได้กล่าวว่า การที่รัสเซียบุกยูเครนก็เพื่อลดทอนความพยายามของยูเครนในการผันตัวเข้าสู่ระบอบนาซี

เขาระบุว่าในยูเครนยังเต็มไปด้วยองค์ประกอบของนาซี และองค์ประกอบที่ว่านั้นรวมถึงตัวประธานาธิบดีเซเลนสกีด้วย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยูเครนจะผันตัวเป็นนาซีได้อย่างไร ในเมื่อผู้นำยูเครนมีเชื้อสายยิว รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียตอบว่า ฮิตเลอร์เองก็มีบรรพบุรุษเป็นชาวยิว ดังนั้นเรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้

หลังการให้สัมภาษณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกมา ยาอีร์ ลาปิด รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล ไม่พอใจเป็นอย่างมาก และออกมาตอบโต้แทบจะทันทีว่า คำพูดของลาฟรอฟไม่สามารถให้อภัยได้ พร้อมย้ำชาวยิวไม่เคยฆ่ากันเองในสงครามโลกครั้งที่ 2

รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลบอกด้วยว่า การกล่าวหาว่าชาวยิวมีแนวคิดต่อต้านชาติพันธุ์ของตัวเอง คือการเหยียดเชื้อชาติในระดับต่ำที่สุดต่อชาวยิว

รัฐบาลอิสราเอลได้เรียกเอกอัครราชทูตของรัสเซียประจำอิสราเอลเข้าพบ เพื่อขอคำชี้แจงในเรื่องนี้ และเรียกร้องให้รัสเซียออกมาขอโทษ แต่ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณใด ๆ จากทางฝั่งรัสเซีย

นอกจากนี้ ยังมีอีกเสียงที่มาจาก ดานี ดายัน  ประธานอนุสรณ์สถาน ยาด วาเชม (YAD VASHEM) ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่ระลึกถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของอิสราเอล โดยเขาบอกว่า คำกล่าวของรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียไร้สาระ หลงผิด อันตราย และสมควรถูกประณาม

เขากล่าวเสริมว่า ลาฟรอฟพยายามทำโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อบิดเบือนเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และเปลี่ยนเหยื่อให้กลายเป็นอาชญากร

ประธานอนุสรณ์สถานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลบอกด้วยว่า สิ่งที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน คือ การเรียกชาวยูเครนและประธานาธิบดีเซเลนสกีว่าเป็นนาซี ซึ่งถือเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์ และสบประมาทเหยื่อของลัทธินาซี

น่าจับตาดูว่าอิสราเอลจะทำอย่างไรต่อ เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะอิสราเอลมีบทบาทสำคัญในสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้น

โดยบทบาทสำคัญที่ว่าคือ การเป็นตัวกลางในการเจรจายุติสงครามเพราะที่ผ่านมา อิสราเอลแสดงจุดยืนชัดเจนว่า ไม่เข้าข้างฝ่ายใดในสงครามยูเครน อีกทั้งยังไม่ประณาม และใช้มาตรการลงโทษรัสเซียร่วมกับประเทศอื่นในประชาคมโลก

เหตุผลเป็นเพราะอิสราเอลต้องบริหารความสัมพันธ์ทั้งกับคู่ขัดแย้งโดยตรงอย่างรัสเซียและยูเครน ตลอดจนพันธมิตรของอิสราเอลที่อยู่เบื้องหลังยูเครนอย่างสหรัฐฯ ให้สมดุลที่สุด

เมื่อลงไปดูในรายละเอียดความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับรัสเซีย เรื่องที่ซับซ้อนที่สุดน่าจะเป็นในสงครามซีเรีย

สงครามซีเรียที่ว่านี้ เริ่มจากการที่มีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ก่อนจะถูกปราบปรามอย่างหนัก จากนั้นประเทศต่าง ๆ ก็เข้ามาเลือกข้างสนับสนุน จนสงครามนี้กลายเป็นสงครามตัวแทนไปในท้ายที่สุด

- สหรัฐฯ ซาอุดิอาระเบีย และตุรกี สนับสนุนกองทัพปลดปล่อยซีเรีย ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาล

- ส่วนรัสเซีย เลือกสนับสนุนประธานาธิบดีอัล อัสซาด เพื่อรักษาท่าเรือทาร์ทัต ซึ่งเป็นท่าเรือแห่งเดียวในภูมิภาคเอาไว้

ขณะที่อิสราเอลมีเป้าหมายในจัดการกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน

แต่ปัญหาคือ รัสเซียเลือกอยู่ข้างเดียวกับรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีอัลอัสซาด ซึ่งเท่ากับว่า อิสราเอลไม่สามารถเลือกอยู่ข้างเดียวกับรัสเซียได้ในสงครามครั้งนี้

แต่อิสราเอลยังต้องพึ่งพารัสเซีย เพื่อให้รัสเซียคุมกลุ่มฮิซบอลเลาะฮ์ไม่ให้คุกคามอิสราเอลโดยเฉพาะชายแดนที่ติดกับทางด้านใต้ของประเทศซีเรีย

นี่คือเหตุผลว่า ทำไมอิสราเอลไม่ยอมละทิ้งความเป็นกลาง แม้แต่ในวันที่เซเลนสกีพูดกับสภาของอิสราเอลเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

อิสราเอลยืนยันไม่เปลี่ยนท่าที อิสราเอลยังปฏิเสธส่งอาวุธมาตลอด สิ่งที่ส่งให้เป็นแค่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่น อุปกรณ์พื้นฐานทางการแพทย์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้อาจจะเปลี่ยนแปลงจุดยืนของอิสราเอลเพราะตอนนี้เสียงของสาธารณะในอิสราเอลก็เริ่มมีการเรียกร้องให้รัฐบาลของตัวเองมีจุดยืนในเรื่องนี้ให้ชัดกว่านี้

แล้วถ้าอิสราเอลเปลี่ยนท่าทีจริงและหันไปสนับสนุนยูเครนจะเกิดอะไรขึ้น

อิสราเอลได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านการทหารมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

แน่นอนว่าการส่งอาวุธหรือยุทโธปกรณ์ไปช่วยยูเครนจะทำให้ยูเครนแข็งแกร่งขึ้นแบบไม่มีข้อสงสัย โดยเฉพาะการป้องกันภัยจากขีปนาวุธทางอากาศเพราะอิสราเอลมีศักยภาพด้านระบบป้องกันขีปนาวุธโดดเด่นมาก โดยเฉพาะที่เรียกว่าไอรอน โดม ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากขีปนาวุธระยะใกล้

หลายฝ่ายจับตาดูอิสราเอลอย่างใกล้ชิดมากขึ้นว่าหลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียออมาบิดเบือนและหมิ่นชาวยิว จะส่งผลให้อิสราเอลไม่พอใจและสนับสนุนยูเครนหรือไม่

อีกประเด็นที่น่าสนใจและเป็นเรื่องใหญ่คือ ยูเครนมีนีโอนาซีจริงหรือไม่ เพราะนี่คือ ข้อกล่าวหาหลักที่ทำให้รัสเซียตัดสินใจเข้าไปในยูเครน

หลายฝ่ายชี้ว่า ข้ออ้างของรัสเซียที่บอกว่าทำสงครามเพื่อปลดปล่อยยูเครนจากนาซีเป็นความพยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์

นอกจากผู้นำยูเครนจะมีเชื้อสายยิวแล้ว โดยภาพรวมยูเครนไม่ได้มีแนวคิดในการสนับสนุนนาซี เพราะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยูเครนเองก็โดนกระทำจากกองทัพนาซีไม่ต่างจากที่อื่น ๆ

เมื่อสงครามโลกครั้งที่2 สิ้นสุดลง มีข้อมูลบันทึกไว้ว่า ประชากรยูเครนเสียชีวิตมากถึง 5 ล้านคน ในจำนวนนั้น กว่า 1.5 ล้านคน เป็นชาวยิวที่ถูกสังหารโดยนาซีเยอรมนี

นั่นทำให้ยากที่จะสรุปได้ว่าชาวยูเครนส่วนใหญ่ชื่นชม และสนับสนุนนาซีจากใจจริง

นักวิชาการชี้ว่า ยูเครนไม่ได้ถูกปกครองด้วยนาซีหรือเผด็จการฟาสซิสต์ การที่มีกลุ่มขวาจัด หรือพวกชาตินิยมสุดโต่งเพิ่มจำนวนขึ้นบ้างในยูเครน เป็นเรื่องธรรมดาที่เหมือนกับแนวโน้มทางการเมืองในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก เช่น การทะยานขึ้นมาของกลุ่มขวาจัดในฝรั่งเศสที่สนับสนุน มารีน เลอ แปน ในการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดี

นอกจากนี้ ท่าทีของประธานาธิบดีเซเลนสกี และรัฐสภายูเครนชัดเจนมากว่าไม่สนับสนุนกลุ่มต่อต้านชาวยิว

ประธานาธิบดีเซเลนสกี เคยแถลงต่อหน้าสาธารณชนพร้อมกับไอแซค เฮอร์ซอค ประธานาธิบดีของอิสราเอล ขณะพบกันเมื่อปีที่แล้วว่า ยูเครนจะให้ความสำคัญกับการศึกษาเรื่องนาซี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ด้วยความอดอยาก หรือโฮโลโดมอร์ อีก

นอกจากนี้ รัฐบาลของประธานาธิบดีเซเลนสกีที่รัสเซียกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มนีโอนาซี ยังผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการต่อต้านชาวยิว (banning anti-Semitism) เมื่อวันที่ 22 กันยายน ปีที่แล้ว

กฎหมายดังกล่าวจะให้การคุ้มครองชาวยิวราว 4.1 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในยูเครน จากการกระทำอันเป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านหรือเหยียดชาวยิว ไม่ว่าจะผ่านคำพูด ลายลักษณ์อักษร สัญลักษณ์ หรือการปฏิบัติ

โดยผู้กระทำผิดที่เป็นปัจเจกบุคคลจะถูกปรับ หรือจำคุกสูงสุด 5 ปี ถ้าเป็นองค์กรจะถูกปรับ หรือจำคุกสูงสุด 5 ปี  และถูกห้ามตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศยูเครนนานสูงสุดที่ 3 ปี

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ