แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้ใช้คำว่า “สงคราม” “การสู้รบ” หรือ “การรุกราน” อย่างที่สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงหลายๆ ประเทศ เรียกปฏิบัติการทางทหารในขณะนี้ของรัสเซีย เนื่องจากที่ผ่านมา รัสเซีย ซึ่งเป็นสมาชิกถาวรและมีอำนาจวีโต้ ได้ใช้สิทธิ์สกัดกั้นความพยายามทั้งหมดที่จะรับรองแถลงการณ์ของประธาน ซึ่งต้องการมติที่เป็นเอกฉันท์
ทั้งนี้ แถลงการณ์ร่วมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้แสดงความกังวลอย่างยิ่ง เกี่ยวกับการรักษาสันติภาพและความมั่นคงของยูเครน
โลกยุคแห่งปัญหา “ยูเครน” ยังไม่จบ “อัฟกานิสถาน-เมียนมา” ก็ยังวิกฤต
รัสเซียอ้างยึด "มาริอูปอล" เร่งกองกำลังยูเครนวางอาวุธ
และย้ำเตือนว่าชาติสมาชิกทั้งหมดได้ยึดมั่นในหน้าที่ภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ ที่จะระงับกรณีพิพาทระหว่างประเทศด้วยสันติวิธี พร้อมแสดงการสนับสนุนความพยายามของเลขาธิการสหประชาชาติในการค้นหาวิธีแก้ปัญหาโดยสันติ
ด้านนายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ขานรับแถลงการณ์ของคณะมนตรีความมั่นคง โดยระบุว่า “วันนี้ เป็นครั้งแรก ที่คณะมนตรีความมั่นคงได้กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าจะสนับสนุนสันติภาพในยูเครน อย่างที่ตนมักจะกล่าวมาตลอด โลกต้องร่วมกันหยุดเสียงปืน และรักษาอุดมการณ์ของกฎบัตรแห่งสหประชาชาติ"
ขณะเดียวกัน ผู้นำกลุ่มประเทศ G7 มีกำหนดประชุมผ่านอินเทอร์เน็ตพรุ่งนี้ (8 พ.ค.) เพื่อหารือถึงสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับสงครามในยูเครน และแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการกดดันรัสเซียให้ยุติการรุกราน โดยการประชุมนี้นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนีจะนั่งเป็นประธาน และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนจะเข้าร่วมด้วย
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ระบุว่า การประชุมครั้งนี้จะมีการหารือว่า จะดำเนินมาตรการลงโทษเพิ่มเติมต่อรัสเซียหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมที่จะทำเช่นนั้น
ล่าสุด ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครนอีก 150 ล้านดอลลาร์หรือกว่า 5,100 ล้านบาท เพื่อให้กองทัพเคียฟรับมือรัสเซีย โดยในครั้งนี้ สหรัฐฯ จะมอบอาวุธปืนใหญ่ อาวุธยุทโธปกรณ์ เรดาห์และอุปกรณ์อื่นๆ ให้ยูเครน
นอกจากนี้ ไบเดน ย้ำข้อเรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านงบประมาณช่วยเหลือวงเงิน 33,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.1 ล้านล้านบาทให้ยูเครน เพื่อเสริมสรรพกำลังรับมือการโจมตีของรัสเซียหลังจากนี้
เช่นเดียวกับทางเยอรมนี ที่ประกาศว่าจะส่งปืนใหญ่อัตตาจรฮาววิตเซอร์อีก 7 กระบอก ให้แก่ยูเครน ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่เนเธอร์แลนด์จะส่งมอบให้ยูเครน 5 กระบอก
ถือเป็นสัญญาณอีกครั้งที่แสดงว่ารัฐบาลเยอรมนีรับรู้ถึงแรงกดดันทั้งภายในและนอกประเทศ ให้ช่วยยูเครนต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย จนต้องปรับนโยบายด้านอาวุธ ที่ผ่านมา เยอรมนียึดนโยบายไม่ส่งอาวุธหนักไปยังพื้นที่ขัดแย้ง เนื่องจากต้องการลบภาพความโหดร้ายสมัยนาซี
ส่วนความคืบหน้าในการอพยพพลเรือนออกจากโรงงานเหล็กอาซอฟสตอลในเมืองมารีอูปอลที่ถูกกองกำลังรัสเซียปิดล้อม อิรินา เวเรสชุก รองนายกรัฐมนตรียูเครน เปิดเผยว่า ขบวนรถมนุษยธรรมได้อพยพผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุอีก 50 คน ออกจากโรงงานเหล็กเมื่อวานนี้ (6 พ.ค.) แต่ก็ระบุว่า การอพยพเป็นไปอย่างช้ามากๆ และกล่าวโทษรัสเซียว่าเป็นต้นเหตุของความล่าช้า โดยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในพื้นที่
กองพันอาซอฟของยูเครนได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านแอปเทเลแกรม โดยระบุว่า ทหารรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านรถถังใส่รถคันหนึ่งที่กำลังไปรับพลเรือนที่โรงงานอาซอฟสตอล ในช่วงเวลาหยุดยิง ทำให้ทหารยูเครนเสียชีวิต 1 คน และได้รับบาดเจ็บ 6 คน
อย่างไรก็ตาม ทั้งยูเครนและรัสเซียยืนยันว่าการอพยพจะดำเนินต่อไปในวันนี้ (7 พ.ค.)
สงครามในยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร จนทำให้เกิดความกังวลว่าอาจนำไปสู่วิกฤตความหิวโหยทั่วโลก
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (6 พ.ค.) สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 20 ชาติได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันต่อองค์การการค้าโลก ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนความมั่นคงทางอาหาร โดยย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนและความสำคัญของการรักษาตลาดและการค้าที่เปิดกว้างและคาดเดาได้ เพื่อให้แน่ใจว่า อาหาร สินค้าบริการ และวัตถุดิบที่จำเป็นต่อการผลิตและการขนส่งอาหารและผลิตภัณฑ์การเกษตร สามารถดำเนินไปได้โดยไม่ติดขัด
ด้านเจ้าหน้าที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เปิดเผยวานนี้ว่า มีธัญพืชเกือบ 25 ล้านตันตกค้างอยู่ในยูเครน และไม่สามารถส่งออกได้ เนื่องจากปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน และเมืองท่าที่ติดกับทะเลดำ เช่น มาริอูปอล ถูกปิดกั้น
ขณะที่บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลของฝรั่งเศส เกียรอส (Kayrros) ระบุว่า ภาพถ่ายดาวเทียมเปรียบเทียบช่วงเวลานี้กับปีที่แล้ว แสดงให้เห็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีในยูเครนที่ลดลง โดยคาดว่าผลผลิตข้าวสาลีของยูเครนในปีนี้อาจลดลงอย่างน้อย 35 เปอร์เซ็นต์
ข้อมูลจากสภาธัญพืชนานาชาติระบุว่า ยูเครนเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวโพดมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก และส่งออกข้าวสาลีมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก ในฤดูกาลปี 2020/2021