ขณะนี้มีรายงานแล้ว 17 ประเทศ ออสเตรเลีย เบลเยียม แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน สวีเดน สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และล่าสุด คือ อิสราเอล สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย กรีซ และนอร์เวย์
องค์การอนามัยโลก เปิดเผยในแถลงการณ์ล่าสุดว่า จำนวนผู้ป่วยมีราว 100 รายในประเทศเหล่านี้โดยผู้ป่วยรายแรกที่พบอยู่ในสหราชอาณาจักร เป็นคนที่มีประวัติการเดินทางไปประเทศไนจีเรียเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ที่ปรึกษาอนามัยโลกคาด “ฝีดาษลิง” อาจระบาดหนักเพราะ “เพศสัมพันธ์”
WHO ยืนยัน 15 ประเทศพบผู้ป่วยติดเชื้อ “ฝีดาษลิง” แล้ว
อังกฤษรายงานพบผู้ป่วยโรคหายาก “โรคฝีดาษลิง” คาดติดมาจากไนจีเรีย
ฝีดาษลิงหรือ Monkeypox virus เป็นเชื้อไวรัสที่มีความใกล้เคียงกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรค Smallpox หรือไข้ทรพิษ (ฝีดาษ)
เป็นเชื้อที่ถูกพบตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1950 ส่วนใหญ่ระบาดอยู่ในทวีปแอฟริกา แต่โรคฝีดาษลิงไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ด้านสาธารณสุขในช่วงนั้นเนื่องจากในขณะนั้นประชากรโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษหรือฝีดาษกัน
ปกติแล้วมักจะพบเชื้อไวรัสนี้ในสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะ อย่าง หนู และกระรอก
ส่วนคนติดเชื้อได้จากการสัมผัสเลือด สารคัดหลัง และตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อโดยตรง รวมถึงการถูกกัดหรือกินเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อแบบไม่ปรุงสุก
ผู้ติดเชื้อจะแสดงอาการของโรคหลังติดเชื้อไปแล้วราว 12 วัน หลังจากนั้นจะเริ่มมีไข้ หนาวสั่น ปวดหัว เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองบวม ราว 1-3 วันจะมีผื่นขึ้น เริ่มจากใบหน้ากระจายไปตามร่างกาย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายหนองจะแตกและเป็นสะเก็ดหลุดออกมา
"โรคฝีดาษลิง" คืออะไร เผยอาการ วิธีการติดต่อ และการป้องกัน
นายกฯ แนะ สธ. ให้ความรู้ประชาชน"โรคฝีดาษลิง"เรียนรู้แต่ไม่ตื่นตระหนก
ไวรัสตัวนี้มี 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์แอฟริกากลาง Central African Clade และสายพันธุ์แอฟริกาตะวันตก West African Clade 2 ตัวนี้มีความแตกต่างกันในเรื่องความรุนแรง โดยสายพันธุ์แอฟริกาตะวันตกหรือมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์แอฟริกากลาง
แล้วที่พบการระบาดในขณะนี้เป็นสายพันธุ์อะไรคำตอบส่วนหนึ่งอยู่ที่โปรตุเกส ซึ่งประเทศที่มีรายงานพบผู้ป่วยฝีดาษลิงมากที่สุดคือ 14 รายและอยู่ระหว่างการวินิจฉัยโรคอีก 20 ราย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมวิจัยได้มีการถอดรหัสพันธุกรรมของเชื้อจากตัวอย่างที่เก็บมาจากแผลบนผิวหนังของผู้ป่วยรายหนึ่งพบว่า ไวรัสตัวที่ระบาดอยู่ตอนนี้คือ ตัวสายพันธุ์แอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นตัวที่มีความรุนแรงน้อยกว่า โดยอัตราการตายของคนที่ติดสายพันธุ์นี้อยู่ที่ร้อยละ 1 ในขณะที่สายพันธุ์แอฟริกากลางอยู่ที่ร้อยละ 10
หนึ่งในทีมวิจัยบอกว่า นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมอาการของผู้ติดเชื้อจึงไม่รุนแรงมาก โรคฝีดาษลิงติดต่อจากคนสู่คนได้ยาก โดยการติดต่อจะเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เช่น การสัมผัสกับแผลติดเชื้อโดยตรง
สำหรับกรณีของโปรตุเกส คนที่ติดเชื้อมีอายุประมาณ 20-40 ปี โดยทีมวิจัยนี้เปิดเผยว่าจากการสอบสวนโรค ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน โดยเฉพาะชายกับชาย
ทีมวิจัยนี้จึงสรุปในเบื้องต้นว่า อัตราและแนวโน้มของการแพร่เชื้อนี้ไปสู่กลุ่มประชากรที่กว้างขวางจึงมีไม่สูง แต่ก็ไม่ควรประมาท และทางสาธารณสุขกำลังติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
โรคนี้หายไปนาน คำถามคือ ทำไมจึงกลับมาใหม่ ข้อสันนิษฐานหนึ่งคือ เนื่องจากประชากรโลกไม่มีการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษกันมานานแล้ว โดยสำหรับประเทศไทย เรายุติการฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ( ราวๆปี 1980) ทั้งนี้วัคซีนป้องกันไข้ทรพิษสามารถป้องกันฝีดาษลิงได้ถึงร้อยละ 85 เนื่องจากไวรัส 2 ตัวนี้มีความใกล้เคียงกัน
การเลิกฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษทำให้ภูมิคุ้มกันหมู่ที่มีอยู่ลดลง จึงมีความเป็นไปได้ที่ไวรัสตัวนี้จะกระโดดกลับมาที่ประชากรมนุษย์อีก
อีกข้อสันนิษฐานหนึ่งมาจากองค์การอนามัยโลก เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) เดวิด เฮย์แมนน์ ที่ปรึกษาอาวุโสขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในทางชีววิทยา เป็นไปได้ที่ไวรัสจะแพร่กระจายนอกประเทศที่เป็นถิ่นระบาด แต่ยังไม่เกิดการระบาดใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 การเว้นระยะห่างทางสังคม และการจำกัดการเดินทาง
ข้อสันนิษฐานนี้นำมาสู่การพูดถึงการฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษอีกครั้ง โดยหนึ่งในคนที่พูดถึงเรื่องนี้คือ ผู้นำสหรัฐ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ระหว่างออกเดินทางจากประเทศเกาหลีใต้ไปญี่ปุ่น
วัคซีนไข้ทรพิษ ป้องกัน "ฝีดาษลิง" หมอไขข้อสงสัยมีฤทธิ์นานเท่าใด?
ข่าวปลอม อย่าหลงเชื่อ! ฉีดวัคซีนแอสตร้า เสี่ยงเป็น "โรคฝีดาษลิง"
ผู้นำสหรัฐบอกว่า ฝีดาษลิงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจ และขณะนี้รัฐบาลสหรัฐกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เรื่องหนึ่งที่กำลังพิจารณาคือ จะต้องมีการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคนี้หรือไม่
ทั้งนี้วัคซีนที่มีการพูดถึงเพื่อนำกลับมาฉีดในการป้องกันโรคฝีดาษลิงคือ วัคซีนป้องกันไข้ทรพิษที่เลิกฉีดไปเมื่อ 40 ปีที่แล้ว
การพูดถึงการฉีดวัคซีนคือสัญญานว่า มีความกังวลในระดับหนึ่งต่อโรคฝีดาษลิง ทำไมถึงต้องกังวล
ถึงแม้ว่าเชื้อที่มีการระบาดตอนนี้จะไม่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมาก อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการแพร่เชื้อต่ำ ต่างจากโควิด 19
แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนบอกว่า ยังไม่สามารถวางใจได้ เพราะการระบาดในคราวนี้มีความแปลกหรือผิดปกติอย่างหนึ่งคือ ผู้ติดเชื้อส่วนหนึ่งไม่มีความเชื่อมโยงกับภูมิภาคที่เป็นแหล่งพบโรคอย่างแอฟริกาเลย
หนึ่งในนั้นคือ ผู้เชี่ยวชาญจากแคนาดา ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีรายงานการระบาด
หัวหน้าคณะทำงานด้านสาธารณสุข เทเรซา แทม ระบุว่า เป็นเรื่องที่แปลกมากที่มีการพบผู้ติดเชื้อที่เป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่นอกทวีปแอฟริกา โดยคนเหล่านั้นไม่มีความเชื่อมโยงว่าหรือเคยเดินทางไปที่แอฟริกา
ผู้เชี่ยวชาญรายนี้บอกด้วยว่า ความผิดปกติอีกอย่างคือ ผู้ติดเชื้อกระจายตัวในที่ต่างๆ ค่อนข้างมาก และทีมงานของเธอกำลังพยายามหาความเชื่อมโยงกันของผู้ติดเชื้อในสหราชอาณาจักร โปรตุเกส สเปน และในสหรัฐฯว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่อย่างไร
เธอระบุด้วยว่า เราไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน จากมุมมองด้านสาธารณสุข สิ่งนี้จึงค่อนข้างน่ากังวล อย่างไรก็ตาม เรายังไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก เพราะแนวโน้มการแพร่เข้าสู่ประชากรทั่วไปค่อนข้างต่ำ
นั่นหมายความว่ายังมีอีกบางเรื่องที่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับโรคนี้ถึงแม้จะเป็นโรคเก่าที่เคยระบาดไปแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นจากผู้เชี่ยวชาญของประเทศที่พบการระบาด หรือจากองค์การอนามัยโลก นั่นก็คือ การติดเชื้อไม่ง่าย เพราะต้องมีการสัมผัสอย่างใกล้ชิดหรือผ่านสารคัดหลั่ง
องค์การอนามัยโลกระบุว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในขณะนี้ ติดผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โดยหลายเคสตรวจพบคลินิกสุขภาพทางเพศ
ขณะที่สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักรหรือ UKHSA และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่า มีข้อบ่งชี้ว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ระบุว่า ตนเองเป็นเกย์ ไบเซกชวล และผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย
WHO ย้ำควบคุม “ฝีดาษลิง” ได้ ขณะที่เจอผู้ป่วยเพิ่มอีก 3 ประเทศ
สธ.สั่งเพิ่มด่านคัดกรอง“ฝีดาษลิง”ที่สนามบิน โดยเฉพาะ 17 ประเทศเสี่ยง
ข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ของสหรัฐในการควบคุมโรคคือ การกันตัวผู้ติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ และการใช้วัคซีนเพื่อกันไม่ให้มีการระบาดใหญ่ ซึ่งเขาเชื่อว่าสามารถคุมการระบาดได้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก ได้จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโรคฝีดาษลิง โดย WHO กำลังจัดทำคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับประเทศต่างๆ เกี่ยวกับการควบคุมการระบาดท่ามกลางความกังวลว่าจำนวนผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน
ขณะที่เมื่อวานนี้มีการประชุมสมัชชาสุขภาพโลกประจำปีขององค์การอนามัยโลกที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ โดยมีรัฐมนตรีสาธารณสุขกว่า 100 ประเทศเข้าร่วม
ผู้อำนวยการใหญ่อนามัยโลก มีการพูดถึงเรื่องโรคฝีดาษลิงโดยเขาระบุว่า ขณะนี้หลายประเทศยังต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการและรับมือกับโควิด 19 ที่ยังคงวิกฤต นอกจากโควิดแล้ว เรายังเจอกับการกลับมาระบาดของอีโบลา ตับอักเสบและฝีดาษลิงที่ยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้