ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน เปิดเผยว่า ตอนนี้สถานการณ์การสู้รบในเมืองซีวีโรโดเนตสก์ยากลำบากอย่างยิ่ง และมีการปะทะกันตามท้องถนนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเมืองดังกล่าว นอกจากนี้ เมืองต่างๆในภูมิภาคดอนบาสยังถูกโจมตีทางอากาศและถูกยิงจรวดเข้าใส่ โดยผู้นำยูเครนบอกว่า นับจนถึงเช้าเมื่อวานนี้ จำนวนจรวดหลากหลายประเภทที่รัสเซียใช้โจมตีต่อยูเครนอยู่ที่ราว 2,500 ลูกแล้ว
รัสเซียอ้าง ยูเครนข้ามแดนโจมตีใส่คลังน้ำมัน
รัสเซียอ้างยึด "มาริอูปอล" เร่งกองกำลังยูเครนวางอาวุธ
ประธานาธิบดีเซเลนสกียังบอกด้วยว่า ยังสามารถยับยั้งผลลัพธ์อันเลวร้ายของสงครามนี้ได้ทุกเมื่อ โดยกองทัพรัสเซียสามารถหยุดทำสงครามได้ เพียงแค่คนเดียวในรัฐบาลมอสโกสั่งมาเท่านั้น ซึ่งน่าจะหมายถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน
อย่างไรก็ตาม ผู้นำยูเครนยังได้บอกด้วยว่า ทางฝั่งกองทัพยูเครนก็สามารถยึดพื้นที่บางส่วนของเมืองซีวีโรโดเนสตก์กลับคืนมาได้เช่นกัน
ขณะที่รัฐบาลรัสเซียก็ยืนยันว่า กองกำลังรัสเซียก็สามารถรุกคืบเมืองดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ ทั้งยูเครนและรัสเซียยังอ้างเหมือนกันว่า มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากจากการปะทะกันในเมืองเล็กๆดังกล่าว
ทั้งนี้ กองทัพรัสเซียพุ่งเป้าไปที่การโจมตีเมืองซีวีโรโดเนสตก์อย่างหนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นหนึ่งในสมรภูมิภาคพื้นที่ดินที่มีการปะทะกันหนักที่สุด ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่า รัฐบาลมอสโกกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะยึดหนึ่งในสองของแคว้นที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาส อย่างลูฮานสก์ และโดเนสตก์ให้ได้
ก่อนหน้านี้ เมื่อตอนครบ 100 วันของสงครามยูเครน ประธานาธิบดีเซเลนสกีเปิดเผยว่า ดินแดนทั้งหมดของยูเครนโดนรัสเซียยึดไปแล้วกว่า 125,000 ตารางกิโลเมตร หรือราวร้อยละ 20 ของพื้นที่ทั้งประเทศ หลักๆ ที่กองทัพรัสเซียเข้ายึดครองจะเป็นพื้นที่ทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน และตอนนี้รัสเซียยังเดินหน้ายึดพื้นที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน มีอีกหนึ่งประเด็นที่สร้างความไม่พอใจให้แก่ยูเครน หลังจากที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียนั้น สร้างความผิดพลาดในการรุกรานยูเครน แต่ก็เป็นเรื่องจำเป็น ที่รัสเซียไม่ควรถูกทำให้เสียเกียรติจากการที่บุกยูเครน ดังนั้นเราจึงควรสร้างทางออกผ่านวิธีทางการทูตเอาไว้ด้วย
นายดมิโทร คูเลบ้า รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครนออกมาทวิตข้อความดังกล่าวทันทีว่า บรรดาชาติพันธมิตรควรจะไปโฟกัสว่าจะหาทางทำให้รัสเซียทำให้ตนเองมีเกียรติอย่างไรเสียมากกว่า
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีมาครงหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีปูตินหลายครั้ง เพื่อพยายามให้เกิดการหยุดยิงและการเจรจาขึ้น ซึ่งฝรั่งเศสพยายามที่จะคงการหารือกับผู้นำรัสเซียเอาไว้ ตรงกันข้ามกับท่าทีของผู้นำสหรัฐและอังกฤษที่เน้นการกดดันผ่านการใช้มาตรการลงโทษต่างๆมากกว่า