ด้วยเหตุผลนี้ทำให้หลายฝ่าย โดยเฉพาะองค์การสหประชาชาติและทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA พยายามหาวิธีในการเข้าไปยังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ได้
และเมื่อวานนี้ทีมผู้เชี่ยวชาญของ IAEA สามารถเดินทางเข้าไปยังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียได้แล้ว แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สถานการณ์ที่นั่นยังค่อนข้างน่าเป็นกังวล
ภาพของทีมผู้เชี่ยวชาญที่นำโดยราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการ IAEA กำลังรับฟังรายงานเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าจาก รีนัต คาชา ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์จากรัสเซีย
บังเอิญหรือมีเงื่อนงำ? นักธุรกิจรัสเซียเสียชีวิตต่อเนื่อง
IAEA เผย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยูเครนถูกละเมิดความปลอดภัยหลายครั้ง
ก่อนที่จะเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ต่าง ๆ ในโรงงานไฟฟ้าทั้งด้านในและด้านนอกโรงงานและหลังจากที่ตรวจสอบโรงไฟฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้อำนวยการของ IAEA ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนกลับที่พักว่า เขายังคงเป็นห่วงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะจากที่เห็นเบื้องต้นชัดเจนว่า โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งนี้ได้รับความเสียหายจากการสู้รบ
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการของ IAEA ยังพูดถึงเจ้าหน้าที่ของโรงไฟฟ้าว่า เจ้าหน้าที่ยังคงทำงานอย่างเต็มที่และเป็นมืออาชีพ เพื่อให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่ในสภาพที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย แม้ว่าจะต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลก็ตาม
ขณะเดียวกันก็ได้พูดถึงภารกิจของ IAEA โดยระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญจาก IAEA จะไม่ไปจากโรงไฟฟ้าจนกว่าจะทำภารกิจเสร็จสิ้น พร้อมกับระบุว่า ยังมีภารกิจอีกมากที่ต้องทำ
ด้านประชาชนในพื้นที่ก็ได้เดินมาพบกับผู้อำนวยการ IAEA ขณะที่กำลังตรวจสอบโรงไฟฟ้าเช่นกัน โดยได้เตรียมเอกสารต่าง ๆ ที่ชี้ให้เห็นถึงการโจมตีและความเสียหายมาให้เสนอกับผู้อำนวยการ IAEA ดู พร้อมทั้งขอให้ IAEA ช่วยยุติการโจมตีที่เกิดขึ้นทันที
หลังจากที่ได้ดูเอกสารที่ประชาชนนำมาเสนอให้ กรอสซีก็กล่าวย้ำว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการดูแลประชาชนในพื้นที่ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าจะปลอดภัยจากอันตรายจากนิวเคลียร์
ด้านโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครน ก็ได้ออกมาแสดงความยินดีที่ทีมผู้เชี่ยวชาญจาก IAEA เดินทางไปถึงโรงไฟฟ้าซาโปริซเซียโดยสวัสดิภาพ พร้อมต่อว่ารัสเซียว่าเป็นผู้ที่โจมยั่วยุในพื้นที่รอบ ๆ โรงไฟฟ้า
อย่างไรก็ดี ผู้นำยูเครนก็ได้ตำหนิทีม IAEA ด้วยเช่นกัน เนื่องจาก IAEA ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้กับยูเครนขณะที่เยือนกรุงเคียฟ สัญญาที่ว่าคืออะไร ไปฟังจากคำตอบของผู้นำยูเครน
ตอนนี้มีรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญของ IAEA ยังคงประจำการอยู่ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย เพื่อตรวจสอบและคงสภาพโรงไฟฟ้าให้สามารถทำงานได้โดยไม่เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้สารกัมมันตรังสีรั่วไหล
แม้สถานการณ์ความตึงเครียดที่แคว้นซาโปริซเซียจะทะลุเลาลง แต่พื้นที่อื่น ๆ ของยูเครนการสู้รบก็ยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวยูเครน โดยเฉพาะเด็กนักเรียน ที่เปิดต้องกลับไปเรียนในเทอมใหม่เมื่อวานนี้
ภาพบรรยากาศการเปิดเทอมวันแรกของเด็ก ๆ พร้อมด้วยผู้ปกครองชาวยูเครน ในเมืองบูชา ที่เดินทางไปร่วมงานฉลองภาคการศึกษาใหม่ท่ามกลางสงคราม
หากจำกันได้ เมืองบูชาคือเมืองที่รัสเซียเคยยึดครองและทำลายจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ตลอดจนสังหารหมู่ประชาชนอย่างโหดเหี้ยม เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความสลดหดหู่ไปทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ผ่านมา 5 เดือน เมืองแห่งนี้ฟื้นตัวและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ผู้ปกครองรวมตัวกันมาส่งบุตรหลานเข้าเรียนตามปกติ โดยพวกเขาบอกว่า เด็ก ๆ ต้องได้เรียนหนังสือ แม้สถานการณ์บ้านเมืองจะไม่ปกติ แต่สุดท้ายชีวิตต้องดำเนินต่อไป
นอกจากที่เมืองบูชา อีกเมืองหนึ่งที่มีภาพการฉลองเทศกาลเปิดภาคเรียนใหม่ คือ เมืองเออร์พิน ซึ่งเป็นเมืองที่เคยตกอยู่ภายใต้การครอบครองของรัสเซียในช่วงเวลาเดียวกับเมืองบูชา และมีการสังหารหมู่เช่นกัน
โดยในวันเปิดเรียนวันแรกนี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้เดินทางไปที่โรงเรียนและพูดคุยกับเด็ก ๆ
หลังจากนั้นจึงได้กล่าวพิธีเปิดภาคเรียน ซึ่งไฮไลต์คือผู้นำยูเครนได้พา “พาทรอน” สุนัขตรวจจับระเบิดที่เป็นขวัญใจชาวยูเครนไปเปิดตัวกลับเด็ก ๆ ด้วย ซึ่งนี่เป็นการสร้างรอยยิ้มให้กับเด็ก ๆ ท่ามกลางสงครามที่ยังคงดำเนินอยู่
เมื่อวานนี้นอกจะเป็นวันเปิดภาคเรียนของเด็ก ๆ ในยูเครนแล้ว ก็ยังเป็นวันเปิดภาคเรียนของเด็ก ๆ ชาวรัสเซียเช่นกัน
และผู้นำรัสเซียก็ได้เดินทางไปร่วมงานเปิดภาคเรียนของเด็ก ๆ ขณะที่เดินทางไปยังแคว้นคาลินินกราด ซึ่งเป็นพื้นที่ของรัสเซียที่ไม่มีแผ่นดินติดกับรัสเซียเลย และตั้งอยู่ใกล้กับทะเลบอลติก
โดยผู้นำรัสเซียได้พูดคุยกับเด็ก ๆ ในโรงเรียนแห่งหนึ่งของแคว้นคาลินินกราด ซึ่งหนึ่งในเนื้อหาของการพูดคุยคือ เรื่องสงครามที่เกิดขึ้นในยูเครน
ผู้นำรัสเซียบอกเด็ก ๆ ว่าสงครามที่เกิดขึ้นเป็นไปเพื่อปกป้องรัสเซียและสงครามนี้ได้รับการสนับสนุนจากคนรัสเซีย เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
การเยือนคาลินินกราดของประธานาธิบดีปูตินในครั้งนี้ ถือเป็นการเยือนครั้งสำคัญ เพราะเกิดขึ้นในวันที่รัสเซียกำลังเผชิญหน้ากับชาติตะวันตก หลังจากเปิดปฏิบัติการรุกรานยูเครน
นอกจากนี้ ยังเป็นการเยือนในขณะที่ทางการรัสเซียกำลังจะมีพิธีฝังศพของมิคาอิล กอร์บาชอฟ อดีตประธานาธิบดีของสหภาพโซเวียต ณ สุสานโนโวดิวิชี ที่กรุงมอสโกในวันพรุ่งนี้ ซึ่งผู้นำรัสเซียจะไม่เข้าร่วมพิธีดังกล่าว
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าร่วมพิธีฝังศพที่สุสานโนโวดิชี แต่ผู้นำรัสเซียได้เดินทางไปเคารพศพของอดีตผู้นำสหภาพโซเวียตเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวานนี้
อย่างไรก็ดี ผู้นำรัสเซียไม่ได้ประกาศวันไว้อาลัยแห่งชาติให้แก่อดีตผู้นำคนสุดท้ายของสหภาพโซเวียตเหมือนกับผู้นำคนก่อน ๆ
นอกจากนี้ สื่อของรัสเซียยังรายงานว่า พิธีศพของกอร์บาชอฟที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้จะไม่ได้มีลักษณะเป็นแบบ “รัฐพิธีศพ” (State Funeral) ที่ประธานาธิบดีต้องเข้าร่วม เหมือนกับพิธีบรรจุร่างของอดีตผู้นำรัสเซียคนก่อน ๆ อย่าง บอริส เยลซิน อดีตประธานาธิบดีคนแรกของสหพันธรัฐรัสเซีย
ด้วยท่าทีเช่นนี้ของผู้นำรัสเซีย ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า ผู้นำรัสเซียจงใจที่จะไม่เข้าร่วมพิธีดังกล่าวหรือไม่
เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้นำรัสเซียก็แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าไม่ได้ชื่นชอบกอร์บาชอฟเป็นการส่วนตัว เพราะเป็นผู้ที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลาย
อย่างไรก็ดี ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นนี้สั้น ๆ ว่า ผู้นำรัสเซียมีภารกิจที่ไม่สามารถยกเลิกได้
นอกจากนี้ ยังได้อธิบายถึงพิธีฝังศพกอร์บาชอฟครั้งนี้ว่า แม้พิธีฝังศพจะไม่ได้เป็นแบบรัฐพิธี แต่รายละเอียดต่าง ๆ ในพิธี เช่น พิธีสดุดีโดยทหารกองเกียรติยศ จะคงไว้เช่นเดิม และรัฐจะเป็นผู้จัดพิธีนี้