สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวานนี้ (2 ก.ย.65) ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ "เพนตากอน" ประกาศอนุมัติการขายอาวุธมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 4 หมื่นล้านบาทให้กับไต้หวัน โดยสำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงด้านกลาโหมของเพนตากอน ระบุว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะขายให้กับไต้หวันประกอบไปด้วยขีปนาวุธ AGM-84L Harpoon Block II จำนวน 60 ชุด ในราคา 355 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เด็กชายมะกัน 10 ขวบกระโดดช่วยแม่จมน้ำ หลังลมชักกำเริบ
“เหยียบดวงจันทร์ในรอบ 50 ปี” ศึกชิงความเป็นมหาอำนาจครั้งใหม่
รัสเซีย-จีน-พันธมิตร ซ้อมรบร่วม คาดตอบโต้สหรัฐฯ
ระบบขีปนาวุธอากาศสู่อากาศทางยุทธวิธี AIM-9X Block II Sidewinder เพื่อติดอาวุธให้กับเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 100 ลูก ราคา 85.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และระบบเรดาร์ตรวจการณ์มูลค่า 655.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เผยว่า การอนุมัติการขายอาวุธให้กับไต้หวันชุดนี้มีความจำเป็นเพื่อความมั่นคงของไต้หวัน และการเสนอขายอาวุธก็มีขึ้นตามปกติของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนในความพยายามอย่างต่อเนื่องของไต้หวัน ในการปรับปรุงกองกำลังทหารติดอาวุธให้ทันสมัย และบำรุงรักษาความสามารถในการป้องกันตนเอง
ยูเอ็นชี้ จีนอาจละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงต่อชาวอุยกูร์ใน “ซินเจียง”
โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โพลิติโก (Politico) สำนักข่าวท้องถิ่นของสหรัฐฯ รายงานเป็นครั้งแรกถึงความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ วางแผนที่จะขอให้สภาคองเกรสอนุมัติการขายอาวุธ แม้ว่าสภาคองเกรสของสหรัฐฯจะยังคงไม่อนุมัติการขายอาวุธดังกล่าวก็ตาม แต่ก็มองว่าก็น่าจะอนุมัติ เนื่องจากสภาคองเกรสจากทั้งสองฝ่ายก็สนับสนุนไต้หวันอย่างเต็มที่มาโดยตลอด ขณะที่การประกาศขายอาวุธของเพนตากอน ก็เกิดขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ต่อกรณีของไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
สำหรับสหรัฐฯ มีข้อผูกพันตามกฎหมายที่ว่าจะต้องช่วยไต้หวันในการป้องกันตนเอง โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะใช้กำลังเพื่อปกป้องเกาะไต้หวันหากถูกโจมตี ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนเสื่อมถอยลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการแข่งขันเชิงกลยุทธ์ในนโยบายต่างประเทศกับจีน
ไต้หวันยิงขู่โดรนจีนบินล้ำน่านฟ้า ประกาศพร้อมตอบโต้รุนแรง
ขณะที่การเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้จุดชนวนความตึงเครียดในความสัมพันธ์สหรัฐฯ และจีนทวีความรุนแรงขึ้นอีก โดยจีนได้มีการตอบโต้โดยการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันครั้งใหญ่แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนไต้หวันต้องออกมาขอจีนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าบุกรุกเข้ามาใกล้ไต้หวัน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ย้ำว่า สหรัฐฯ จะยังคงสนับสนุนการแก้ไขปัญหาช่องแคบไต้หวันโดยสันติ ให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนชาวไต้หวัน พร้อมเรียกร้องให้จีนยุติการกดดันทางทหาร การทูต และทางเศรษฐกิจต่อไต้หวันด้วย
