รายงานซึ่งอ้างข้อมูลจากทีมกู้ภัยในพื้นที่ระบุว่า ยังมีแนวโน้มที่จะพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก ตามบ้านเรือนและชุมชนต่างๆ หลังจากระดับน้ำที่ท่วมขังจากฝนที่ตกกระหน่ำลงมาก่อนหน้านี้เริ่มลดระดับลงบ้างแล้ว ทำให้ภารกิจในการค้นหาและกู้ภัยสามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่
ภาพความเสียหายของอาคารบ้านเรือน ตลอดจนสิ่งปลูกสร้างที่พังราบเป็นหน้ากลอง ภายหลังการพัดถล่มของพายุเฮอริเคนเอียน ซึ่งก่อนหน้านี้ เคลื่อนตัวด้วยความเร็วลมสูงสุดมากกว่า 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เฮอริเคน "เอียน" ถล่มรัฐเซาท์ แคโรไลนา ทางการเตือนอากาศแปรปรวนขั้นเลวร้าย
ภาพก่อน-หลังชัด ๆ “เฮอริเคนเอียน” ถล่มฟลอริดายับเยินแค่ไหน?
นอกจากจะสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนจำนวนมากแล้ว อิทธิพลของพายุเฮอริเคนเอียน ยังทำให้ต้นไม้ ป้ายโฆษณา หักโค่น และมีไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง
มีการยืนยันการพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 83 ราย ขณะที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากนั้น น่าจะเกิดจากการที่ประชาชนจำนวนไม่น้อย ฝ่าฝืนคำสั่งของทางการท้องถิ่นที่ให้อพยพออกนอกพื้นที่ และยังคงปักหลักอยู่ในบ้านเรือนของตนที่ตั้งอยู่ในเขตเส้นทางผ่านของพายุ
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เฮอริเคนเอียน ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักแก่หลายพื้นที่ของรัฐฟลอริดา ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เคลื่อนตัวกลับออกไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกอีกครั้งเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะหวนกลับมาขึ้นฝั่งที่รัฐเซาธ์แคโรไลนา โดยมีความเร็วลมที่ศูนย์กลางอยู่ที่ราว 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเทียบเท่ากับการเป็นพายุเฮอริเคนระดับที่ 1 จากทั้งหมด 5 ระดับ
การหวนกลับมาขึ้นฝั่งอีกครั้งของเฮอริเคนลูกนี้ ทำให้เกิดฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของรัฐเซาธ์แคโรไลนา รวมถึงทำให้มีไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ขณะที่ทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุลูกนี้ ได้มุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่รัฐนอร์ธแคโรไลนาแล้ว
โดยมีรายงานว่า ทางหลวงหลายสายที่เชื่อมต่อระหว่างสองรัฐเริ่มถูกน้ำท่วมขัง ทำให้การจราจรเริ่มกลายเป็นอัมพาต ส่วนทางหลวงสายที่ยังไม่ถูกน้ำท่วมขังก็มีรายงานรถติดยาวเหยียด เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร เนื่องจากบรรดาผู้คนพากันเลี่ยงมาใช้เส้นทางที่ยังไม่ถูกน้ำท่วม
จนถึงขณะนี้มีการพบผู้เสียชีวิตในพื้นที่รัฐฟลอริดาแล้วอย่างน้อย 79 ราย และอีกอย่างน้อย 4 รายในรัฐนอร์ธแคโรไลนา ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 83 ราย
ผู้ประสบภัยจำนวนมากเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกเขาต้องช่วยเหลือกันเอง ทั้งในส่วนของการแบ่งปันอาหาร น้ำดื่ม ตลอดจนการช่วยกันซ่อมแซมความเสียหาย ฟื้นฟูบ้านเรือนและชุมชนของตัวเอง โดยปราศจากความช่วยเหลือใดๆ จากหน่วยงานรัฐ
ขณะที่หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทั้งในพื้นที่รัฐฟลอริดา ,เซาธ์แคโรไลนา และนอร์ธแคโรไลนา ระบุว่า พวกเขาต่างประสบปัญหาในการเดินทางลงพื้นที่ช่วยเหลือบรรดาผู้ประสบภัย เนื่องจากถนนหนทาง สะพาน และเส้นทางคมนาคมต่างๆ ถูกตัดขาด หรือได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ส่งผลให้หลายชุมชนต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และคาดว่าการซ่อมแซมถนนสายหลักๆ อาจต้องใช้เวลานานกว่า 20 วัน กว่าที่การลำเลียงความช่วยเหลือเต็มรูปแบบจะสามารถดำเนินการได้
หนึ่งในพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายหนักหน่วงที่สุดจากภัยพิบัติครั้งนี้ คือ ที่เมืองเซนต์เจมส์ ซิตี้ บนเกาะไพน์ ซึ่งเป็นแหล่งตากอากาศชื่อดัง นอกชายฝั่งรัฐฟลอริดา รวมถึงที่เมืองฟอร์ท ไมเออร์ส และเคป คอรัลโดยพื้นที่มากกว่าร้อยละ 70 ของเมืองเหล่านี้ต่างได้รับความเสียหาย บ้านเรือนพังราบ และพื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่งยังคงไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้
ขณะที่น้ำประปาเพิ่งเริ่มกลับมาให้บริการได้บางส่วน แต่ยังคงสามารถจ่ายน้ำให้กับประชาชนได้เพียงวันละ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ต้องมีการจัดสรรการจ่ายน้ำไปตามเขตต่างๆที่ประสบภัยพิบัติ ขณะเดียวกัน ระบบการสื่อสารโทรคมนาคมและสัญญาณอินเทอร์เน็ต ยังไม่สามารถใช้การได้เต็มรูปแบบ
ขณะที่โฆษกทำเนียบขาวออกมาเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ และนางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง จะเดินทางลงพื้นที่รัฐฟลอริดา เพื่อเยี่ยมเยียนบรรดาผู้ประสบภัยในพื้นที่ภายในสัปดาห์นี้
ขณะนี้ได้เกิดกระแสความไม่พอใจในหมู่ผู้ประสบภัยจำนวนมากที่มองว่า ประธานาธิบดีไบเดน และหน่วยงานต่างๆของรัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินการตอบสนองต่อภัยพิบัติครั้งนี้อย่างล่าช้า และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบก็ทำได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร