เอกสารจำนวน 5 หน้า ที่เตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชาติสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ EU ในประเทศลักเซมเบิร์ก สำนักงานกิจการต่างประเทศของสหภาพยุโรป ระบุว่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีนยังควรดำเนินไปอย่างเข้มข้นและยึดหลักตามความเป็นจริง
ซึ่งตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา สหภาพยุโรปยังมีนโยบายปฏิบัติต่อจีนในฐานะประเทศหุ้นส่วน หรือ พาร์ตเนอร์ (Partner) แม้จะเป็นคู่แข่งกันในด้านเศรษฐกิจ และการสร้างอิทธิพลบนเวทีระหว่างประเทศ
น้ำมันโลกยังไม่จบขาลง ปัจจัยกดดันเพียบ เศรษฐกิจโลกถดถอย-เงินเฟ้อพุ่ง
เครื่องบินรบ Su-34 ของรัสเซียตกใส่เมืองขณะซ้อมบิน เสียชีวิต 13 ราย
โดยเอกสารดังกล่าวอธิบายว่าจีนกำลังส่งเสริมระเบียบโลกใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม มากกว่าสิทธิทางการเมืองและสิทธิของประชาชน ซึ่้งเป็นแนวคิดพื้นฐานสำคัญของโลกตะวันตกที่ปกครองด้วยระบอบเสรีประชาธิปไตย
ขณะที่โจเซป บอเรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภสาพยุโรป ระบุว่าสิ่งที่จีนสื่อสารออกมาในตอนนี้แสดงให้เห็นถึงการพยายามแข่งขัน รวมถึงความสำเร็จในด้านเศรษฐกิจ และความต้องการที่จะมีอิทธิพลในทวีปอื่นทั้ง เอเชีย แอฟริกา และ ละตินอเมริกา
โดย บอร์เรล เตือนว่าชาติสมาชิกอียูต้องระมัดระวังอย่าปล่อยให้เกิดการพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป เหมือนที่เกิดขึ้นกับรัสเซีย ซึ่งยุโรปพึ่งพาการนำเข้าก๊าซยุโรปปริมาณมหาศาล ดังนั้นประเทศเหล่านี้จึงควรสร้างความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทานสินค้าเทคโนโลยี และแหล่งวัตถุดิบสำคัญๆ
ขณะที่การประชุมผู้นำชาติสมาชิกสหภาพยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้ จะมีการหารือในประเด็นความสัมพันธ์กับประเทศจีน ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นกระบวนการที่เจ้าหน้าที่อียูเรียกว่าเป็นการปรับความสัมพันธ์ให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตามสหภาพยุโรปยังมองว่า ควรปฏิบัติต่อจีนในฐานะหุ้นส่วนต่อไปในแง่ของการร่วมมือแก้ไขปัญหาบางด้าน เช่น โลกร้อน แต่สิ่งที่น่ากังวล คือ ประธานาธิบดี สี จิ้งผิง กำลังทำให้จีนเป็นรัฐที่ใช้อำนาจเผด็จการมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีความใกล้ชิดกับรัสเซีย
ขณะที่เมื่อวานนี้ สำนักงานตำรวจเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ออกแถลงการณ์ว่า กำลังสอบสวนเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย บริเวณหน้าสถานกงสุลใหญ่จีน ซึ่งมีผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งรวมตัวแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลจีน แต่หลังจากนั้น ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากสถานกงสุล แล้วลากผู้ประท้วงคนหนึ่งเข้าไปภายในนานหลายนาที ก่อนที่ผู้ประท้วงคนดังกล่าวซึ่งเป็นชาย สามารถหลบหนีออกมาจากพื้นที่ได้ ด้วยความช่วยเหลือของตำรวจและผู้ประท้วงอีกหลายคนในบริเวณนั้น
อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ประท้วงชายคนนี้อยู่ในสภาพได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย ส่วนโฆษกสถานกงสุลจีนประจำเมืองแมนเชสเตอร์ชี้แจงว่า ผู้ประท้วงได้แขวนภาพที่ดูหมิ่นประธานาธิบดีของจีนที่บริเวณทางเข้าหลัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอดทนและยอมรับได้ในสถานที่ทางการทูตหรือกงสุลใดๆ