เรื่องที่ทั่วโลกกำลังจับตามองในขณะนี้ คือศึกการเลือกตั้งกลางเทอม (Midterm Election) ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการโหวตเลือกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
การเลือกตั้งครั้งนี้ แม้จะไม่ใช่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะ โจ ไบเดน ยังอยู่ในตำแหน่งไม่ครบวาระ แต่ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะจะชี้ชะตาทิศทางการบริหารประเทศหลังจากนี้ของ โจ ไบเดน ที่เหลืออีก 2 ปี ว่าจะราบรื่นไร้อุปสรรค หรือจะเต็มไปด้วยขวากหนามและแรงต้าน
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ "แข็งเร็ว" หลุด 37 คาดรีพลับริกันชนะเลือกตั้ง
คนสนิทปูตินยอมรับเป็นครั้งแรก “แทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ”
"ไบเดน" มั่นใจ หักปากกาโพล ชนะเลือกตั้งกลางเทอมแน่นอน
การเลือกตั้งกลางเทอมคืออะไร?
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า จริง ๆ แล้วการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. (House) และสมาชิกวุฒิสภา (Senate) ซึ่งโดยปกติจะต้องมีการเลือกใหม่อยู่แล้วทุก ๆ 2 ปี แต่เมื่อตรงกับช่วงระหว่างการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่ดำเนินไป 2 ปีพอดี จึงเรียกว่า “การเลือกตั้งกลางเทอม”
การบริหารประเทศของสหรัฐฯ นั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือประธานาธิบดี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ซึ่งกฎหมายหรือนโยบายใด ๆ ในการบริหารประเทศ มักจะต้องผ่านความเห็นชอบจากประธานาธิบดีและทั้งสองสภาก่อน
ดังนั้น หากสภาใดสภาหนึ่งหรือทั้งสองสภามีพรรคฝ่ายตรงข้ามครองที่นั่งส่วนใหญ่ในสภา ก็มักจะส่งผลต่อการประกาศกฎหมายหรือนโยบายต่าง ๆ นั่นเอง จึงเป็นเหตุที่พรรคเดโมแครตของไบเดนจะต้องพยายามรักษาที่นั่งในทั้งสองสภาไว้ให้ได้ เพื่อให้การบริหารงานอีก 2 ปีของไบเดนราบรื่น ส่วนรีพับลิกันก็มีเป้าหมายจะชิงเสียงส่วนใหญ่ในสภามาเพื่อขัดขวางนโยบายของไบเดน และเพื่อกรุยทางการกลับมาของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
ตามกฎหมายแล้ว ส.ส.จะมีที่นั่งทั้งหมด 435 ที่นั่งในสภา วาระดำรงตำแหน่ง 2 ปี ส่วนวุฒิสภามี 100 ที่นั่ง วาระ 6 ปี แต่ 1 ใน 3 ของที่นั่งจะต้องเลือกใหม่ทุก 2 ปี ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเลือก ส.ส.ใหม่ 435 ที่นั่ง และวุฒิสภา 35 ที่นั่ง รวมถึงตำแหน่งผู้ว่าการของบางรัฐและตำแหน่งในระดับท้องถิ่นอีกจำนวนหนึ่ง
ซึ่งการจะมีเสียงข้างมากในสภา ส.ส. นั้น จะต้องชิงที่นั่งมาให้ได้กึ่งหนึ่ง หรืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง ส่วนวุฒิสภาก็จะต้องชิงมาให้ได้อย่างน้อย 50 ที่นั่ง ซึ่งสภาในปัจจุบัน เดโมแครตมีที่นั่ง ส.ส. อยู่ 220 ที่นั่ง และมีที่นั่งวุฒิสภา 50 ที่นั่ง (เป็นเดโมแครต 48 ที่นั่ง แต่อีก 2 ที่นั่งมาจากวุฒิสภาไม่สังกัดพรรคที่เข้าพวกกับเดโมแครต) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับฉิวเฉียดมาก ๆ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ พรรครีพับลิกันน่าจะชิงที่นั่งในสภา ส.ส. มาได้ หลังไบเดนคะแนนนิยมตกลงจากปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ
แต่ในขณะเดียวกัน ก็คาดว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากจะยังคงเลือกพรรคเดโมแครต เนื่องจากคาดหวังจะเห็นกฎหมายและนโยบายเสรีในบางเรื่อง เช่น สิทธิในการทำแท้ง กฎหมายควบคุมปืน เป็นต้น
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้ารีพับลิกันชิงที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรสำเร็จ
คาดว่าพรรครีพับลิกันจะขัดขวางระเบียบวาระทางกฎหมายของไบเดน และเปิดฉากการสอบสวนรัฐสภา เช่น การถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานและการติดต่อธุรกิจของฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของประธานาธิบดี ในจีนและยูเครน โดยมี จิม จอร์แดน พันธมิตรของ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำทัพการสอบสวน
และหากพรรครีพับลิกันเสียงมีข้างมาก อาจดำเนินการขัดขวางคณะกรรมการสืบสวนเหตุจลาจลบุกโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 โดยอาจโต้กลับด้วยการเปิดการสอบสวนบริษัทโทรคมนาคมที่ส่งข้อมูลและบันทึกทางโทรศัพท์ให้คณะกรรมการหรือสมาชิกในคณะกรรมการ
ในแง่ของนโยบาย พรรครีพับลิกันอาจพยายามที่จะยกเลิกนโยบายที่สำคัญบางอย่างที่ไบเดนประกาศใช้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เช่น งบประมาณด้านการแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศ การล้างหนี้กยศ.ชาวอเมริกัน และการปรับเพิ่มอัตราภาษีนิติบุคคล
นอกจากนี้ ยังอาจมีการยกเลิกนโยบายสนับสนุนยูเครนที่กำลังสู้รบกับรัสเซียด้วย โดย เควิน แม็กคาร์ธี ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนาษฎรเคยออกมาเตือนว่า จะไม่มอบเงินเปล่า ๆ ให้กับยูเครนอีกต่อไป “จะไม่มีการมอบเงินแม้แต่แดงเดียวให้กับยูเครนอีก ประเทศของเราต้องมาก่อน”
เรียบเรียงจาก CNN / The Guardian
ภาพจาก AFP