เริ่มนับคะแนนแล้ว! เลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ “รีพับลิกัน” มีแนวโน้มชนะ


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เริ่มนับคะแนนแล้วกับการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ในบางรัฐทางภาคตะวันออก เบื้องต้นพบพรรครีพับลิกันมีแนวโน้มจะชนะพรรคเดโมแครต

ประชาชนชาวอเมริกันหลายล้านคนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกลางวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี หรือการเลือกตั้งกลางเทอม โดยรัฐเวอร์มอนต์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเป็นพื้นที่แรกที่เปิดคูหาให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาลงคะแนนเสียง เมื่อเวลา 05.00 น. ของเช้าวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 17.00 น.ในเวลาประเทศไทย

จากนั้นอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา คูหาเลือกตั้งในหลายรัฐ ทั้งรัฐนิวยอร์ก เวอร์จิเนีย เคนทักกี แอริโซนา คอนเนกติกัต และ อินเดียนา ได้เปิดคูหาเลือกตั้ง

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ "แข็งเร็ว" หลุด 37 คาดรีพลับริกันชนะเลือกตั้ง

ลอตเตอรี่พาวเวอร์บอลแจ็กพอตแตกแล้ว! รับเละ 7.5 หมื่นล้านบาท

และจากนั้นคูหาเลือกตั้งทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาได้เปิดคูหาเพื่อให้ประชาชนมาใช้สิทธิเลือกตั้ง

ขณะที่การเลือกตั้งล่วงหน้าที่จัดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงการลงคะแนนทางไปรษณีย์ มีชาวอเมริกันใช้สิทธิ์ไปแล้วประมาณ 43 ล้านคน โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนจำนวนทั้งหมดประมาณ 250 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งหมดราว 332 ล้านคน

โดยในบางรัฐได้ปิดหีบเลือกตั้งและเริ่มนับคะแนนเลือกตั้งแล้ว เช่น บางพื้นที่ของรัฐอินเดียน่า และ รัฐเคนทักกี้ ส่วนที่รัฐจอร์เจียร์มีคำสั่งจากศาลให้จุดเลือกตั้ง 6 แห่งขยายระยะเวลาการปิดหีบออกไป จากเดิมกำหนดไว้ที่เวลาประมาณ 19.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น เนื่องจากจุดเลือกตั้งเหล่านี้ เปิดหีบหลังเวลา 07.00 น. ซึ่งช้ากว่าที่กำนดไว้

ขณะเดียวกันผลการสำรวจความเห็นหน้าคูหาเลือกตั้ง หรือ เอ็กซิท โพล ที่จัดทำ โดย “เอดิสัน รีเสิร์ช” (Edison Research) บริษัทกด้านการวิจัยการตลาด พบว่าผู้มาลงคะแนนเสียง 32 เปอร์เซนต์มองว่าประเด็นสำคัญที่สุดในการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ คือ ปัญหาเงินเฟ้อ 27 เปอร์เซนต์ ระบุว่าสิทธิการยุติการตั้งครรภ์ หรือ การทำแท้งมีความสำคัญที่สุด

โดยประเด็นสิทธิการทำแท้งนี้ ถูกคาดหวังว่าจะเป็นตัวแปรที่ช่วยให้พรรคเดโมแครตพลิกเกมเอาชนะพรรครีพับลิกันได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ลงคะแนนเสียงเป็นครั้งแรก และ ผู้อยู่ในวัยหนุ่มสาว ที่ไม่เห็นด้วยกับการจำกัดสิทธิการทำแท้ง

 

ส่วนประเด็น ที่มีผลต่อการลงคะแนนอื่นๆ ประกอบไปด้วย อาชญากรรม การควบคุมอาวุธปืน และ การเปิดรับผู้อพยพ

นอกจากนี้ยังพบว่าแม้ ผู้ลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่จะมีมุมมองในเชิงลบต่อ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แต่ ยังมอง อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในเชิงลบมากกว่า โดยมีประมาณ 60 เปอร์เซนต์ที่ไม่ชอบ ทรัมป์

อย่างไรก็ตาม ผลเอ็กซิทโพล พบว่า ผู้ลงคะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่ง หรือกว่า 50 เปอร์เซนต์ ระบุว่ามีความั่นใจต่อพรรครีพับลิกันในด้านการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และ อาชญากรรม ส่วนพรรคเดโมแครตได้รับความเชื่อในส่วนนี้ 40 เปอร์เซนต์

ส่วนพื้นที่ที่เริ่มนับคะแนนในตอนนี้คือรัฐต่างๆ ทางฝั่งตะวันออก ฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน โดยผู้ดำรงตำแหน่งเดิม หรือ แชมป์เก่า เกือบทั้งหมด ยังมีคะแนนนำ ทั้งการเลือกตั้ง ส.ส, ส.ว และ ผู้ว่าการรัฐ ซึ่งบางรัฐได้ตัวผู้ชนะแล้ว เช่น ฟลอริดา ที่ รอน เด ซานติส จากพรรครีพับลิกัน ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐอีกสมัย

โดยผลการนับคะแนนจนถึงขณะนี้ พบว่า พรรครีพับลิกัน มีแนวโน้มสูงที่จะได้ที่นั่งเพิ่มในสภาผู้แทนราษฎร และ อาจจะรวมถึงวุฒิสภาด้วย โดย พรรครีพับลิกันต้องการ ส.ส.เพิ่มอีก 6 คน จึงจะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรที่มีจำนวน 435 คน และ ต้องการ ส.ว. เพิ่มอีกเพียง 1 คน จึงจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา

นอกจากนี้ แนวโน้มผลการนับคะแนน ยังสอดคล้องกับข้อมูล เว็บไซต์ FiveThirtyEight.com ซึ่งรวบรวมผลโพลล์ระบุว่ามีโอกาส 83 เปอร์เซนต์ ที่พรรคเดโมเเครตจะสูญเสียการครองเสียงข้างมากในสภาผู้เเทนราษฎร ให้กับรีพับลิกัน และมีโอกาส 55 เปอร์เซนต์ ที่ 55 เปอร์เซนต์ ที่จะสูญเสียการครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา

โดยในสภาผู้เเทนราษฎร FiveThirtyEight.com คาดว่าเดโมเเครตจะเสียที่นั่ง 13 ที่ให้กับรีพับลิกัน ในขณะที่คาดว่า ดุลอำนาจของการคุมเสียงเกินกึ่งหนึ่งในวุฒิสภาจะสลับจากเดโมเเครตมาสู่รีพับลิกันมาเป็น 51 ต่อ 49 จากเดิมที่อยู่ที่ 50 ต่อ 50 ซึ่งฝ่ายเดโมเเครตได้เปรียบจากอีก 1 คะเเนนของรองประธานาธิบดีจากพรรคเดียวกัน

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ