เวลา 20.00 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ พร้อม นางแคทเธอรีน ไท ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แถลงข่าวที่ศูนย์สื่อมวลชน ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หลังร่วมประชุมรัฐมนตรีเอเปค
โดยช่วงแรกของการแถลงข่าว นายบลิงเคน พูดถึงความร่วมมือของสหรัฐฯ ในการประชุมสำคัญที่ผ่านๆ มา ได้แก่ COP27, U.S.-ASEAN Summit, East Asia Summit และ G20
ม็อบเอเปค ปะทะ เจ้าหน้าที่ หลังเตรียมเคลื่อนขบวนไปศูนย์ฯ สิริกิติ์
เปิดประชุมผู้นำเอเปคอย่างเป็นทางการ ไทยผลักดัน BCG - การค้าเสรี
ไทยเตรียมดัน FTAAP ในการประชุมเอเปค เป็นเขตการค้าเสรี ใหญ่ที่สุดในโลก
จากนั้นเขาได้พูดถึงวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ว่าการรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นต้นตอที่แท้จริงของวิกฤตเศรษฐกิจโลกรวมถึงในเอเชียปัจจุบัน
โดยเขาระบุว่า ผู้คนในเขตเศรษฐกิจเอเปคเผชิญกับความยากลำบากในภาวะความท้าทายทางเศรษฐกิจจากสงครามรัฐเซีย-ยูเครน รวมถึง ในการประชุม G20 ที่ผ่านมา มีการหารือกันถึงหลายข้อกีดขวางที่เกิดขึ้น จากการที่รัสเซียรุกรานยูเครน รวมถึงวิกฤตการณ์ด้านอาหาร
บลิงเคนกล่าวว่า “ประธานาธิบดีปูตินเหมือนจะเชื่อว่า การทำให้ยูเครนตกอยู่ในความมืด ตัดน้ำ ทำให้พวกเขาหนาวตาย จะสามารถทำลายความตั้งใจของพวกเขาได้”
เขาเสริมว่า “ใครก็ตามที่สงสัยในความตั้งมั่นของชาวยูเครน ลองดูที่ผู้คนที่ได้รับอิสรภาพในเคอร์ซอนสิ พวกเขาออกมาเต้นรำตามท้องถนน สวมกอดทหารยูเครน ทำลายโปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย หลังต้องอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซียเป็นเวลาหลายเดือน”
บลิงเคนบอกอีกว่า “กลยุทธ์ใหม่ของรัสเซียจะล้มเหลวเช่นเดียวกับกลยุทธ์เก่า ๆ จิตวิญญาณของยูเครนเป็นสิ่งที่ไม่มีวันแตกสลาย เช่นเดียวกับความตั้งใจขจองเราในการสนับสนุนยูเครน”
ด้านแคทเธอรีน ไท ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ มองว่า เอเปคเป็นเวทีที่จะได้มาหารือกันถึงวิธีการในการสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงและฟื้นตัวได้เร็ว จากสถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งความล้มเหลวทางเศรษฐกิจจากโควิด สงครามรัสเซีย-ยูเครน ห่วงโซ่อุปทานที่อ่อนแอ ความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มสูงขึ้น และวิกฤติสภาพอากาศโลก
เธอบอกว่า ทั้งหมดนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยนโยบายทางการค้าที่เหมาะสม พร้อมพูดถึงการผลักดันเศรษฐกิจ BCG ของไทย ว่าเป็นการมีส่วนร่วมที่ดีในการสร้างความยั่งยืนทางการค้าในเขตเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งในการรับช่วงเป็นเจ้าภาพต่อในปีหน้าของสหรัฐฯ จะนำโมเมนตัมของปีนี้ไปพัฒนาต่อ โดยมองถึงการร่วมมือกับเขตเศรษฐกิจอื่น ๆ ในการสร้างนโยบายที่สนับสนุนเศรษฐกิจที่ยังยืนและสร้างการมีส่วนร่วมทางการค้า