การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ทั่วไต้หวันเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เป็นการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี ประธานองค์กรปกครองระดับเขต และ สมาชิกสภาท้องถิ่น
โดยพรรคก๊กมินตั๋ง หรือ KMT แกนนำฝ่ายค้านมีคะแนนนำ หรือ ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งนายเทศมนตรีและประธานองค์กรปกครองระดับอำเภอ 13 ที่นั่งจากทั้งหมด 21 ที่นั่ง รวมถึงไทเป เมืองหลวงด้วย ส่วนพรรค พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ของ ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ได้ไปเพียง 5 ที่นั่ง
สภาพอากาศวันนี้! อากาศเปลี่ยนแปลง เหนือทั้งหนาว-มีฝน ขณะทั่วไทยฝนตก 30-60%
ยอดขายออนไลน์ “Black friday” ในสหรัฐฯ พุ่ง 9 พันล้านดอลลาร์
ผลการเลือกตั้งดังกล่าวค่อนข้างเป็นไปตามความคาดหมาย และ แทบไม่แตกต่างจากการเลือกตั้งท้องถิ่นของไต้หวันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในปี 2018 ซึ่งพรรคพรรคก๊กมินตั๋งได้ 15 ที่นั่ง และ พรรคพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าได้ 6 ที่นั่ง
ปัญหาหลัก ๆ ที่พรรคการเมืองไต้หวันหยิบยกมาเป็นประเด็นในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้เกี่ยวข้องกิจการภายในเสียส่วนใหญ่ เช่นการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และอาชญากรรม แต่ ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ได้ประกาศว่าการเลือกตั้งในวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่า เป็นมากกว่าการเลือกตั้งท้องถิ่น
โดยเธอระบุว่าทั่วทั้งโลกกำลังจับตาดูว่าไต้หวันจะปกป้องประชาธิปไตยของตัวเองอย่างไรและจะรับมือกับความตึงเครียดทางทหารกับจีนอย่างไร
หลังจากผลการเลือกตั้งปรากฏออกมาว่าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ประธานาธิบดี ไช่ ได้จัดการแถลงข่าวประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อรับผิดชอบ โดยระบุว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าพรรคยังต้องปรับปรุงการทำงานในระดับท้องถิ่น
ขณะที่เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นาย โจเซป อู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน ระบุว่า สถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งพบความพยายามแทรกแซงจากจีนแผ่นดินใหญ่น้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อน
นาย อู่ ระบุว่ารัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่มักเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เกี่ยวกับลงคะแนนเสียงของประชาชนชาชนไต้หวัน แต่ครั้งนี้พบความเคลื่อนไหวน้อยลง ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้ใช้วิธีการต่าง ๆ เช่นการเสนอขายตั๋วเครื่องบินราคาถูกแก่ชาวไต้หวันที่อาศัยในจีนเพื่อจูงใจให้เลือกผู้สมัครที่สนับสนุนจีน หรือแม้กระทั่งการออกมาข่มขู่ชาวไต้หวัน
ส่วนสาเหตุที่จีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งน้อยลง นาย อู่ เชื่อว่าเป็นเพราะจีนเองก็เผชิญปัญหาของตัวเองในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ความพยายามสร้างระเบียบโลกใหม่ที่ถูกหลายประเทศต่อต้าน หรือการปรับปรุงความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก
สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นของไต้หวันเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทั้ง 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า และพรรคก๊กมินตั๋ง ได้ให้ความสำคัญในการชิงเก้าอี้สำคัญ ๆ ทางภาคเหนือ ซึ่งเป็นศูนย์กลางความเจริญ โดยเฉพาะกรุงไทเป ที่นายกเทศมนตรีเจ้าของตำแหน่งเดิม จากพรรคประชาชนไต้หวัน ซึ่งเป็นพรรคขนาดเล็ก ไม่สามารถลงสมัครได้ เนื่องจากดำรงตำแหน่งครบวาระไปแล้ว
ตลอดการหาเสียง พรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งถูกมองว่ามีจุดยืนสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ ได้กล่าวหาพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าว่าพยายามใส่ร้ายพรรคก๊กมินตั๋งว่าเป็น “พรรคแดง” ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของพรรคคอมมิสนิสต์จีน
โดยหลังจากนี้ไป การเมืองของไต้หวันจะมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ที่จะมีขึ้นในปี 2024 ซึ่งประธานาธิบดี ไช่ จะไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก เพราะเมื่อถึงเวลานั้นเธอจะดำรงตำแหน่งครบวาระตามที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ 2 สมัย หรือ 8 ปี
ไขความลับของชีส หลังกระแส “ชีสบอร์ด” มาแรงติดเทรนด์โซเชียล
เช็ก! 3 สัญญาณ ‘ติดการพนัน’ กลางกระแสฟุตบอลโลก หากหลงผิดยึดหลัก 3 ข้อเลิกได้