ท่าทีของ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เกิดขึ้นขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี ระหว่างการพบปะพูดคุยกับนาย ชาร์ลส์ มิเชล ประธานสภายุโรป ที่เดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของประเทศจีน โดย แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปคนหนึ่งเปิดเผยว่า ประธานาธิบดี สี ได้ระบุอธิบายกับนาย มิเชลส์ว่า ผู้ประท้วงมาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่รู้สึกไม่พอใจต่อการระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
สภาพอากาศวันนี้! ใต้ฝนตกหนัก 60-70% คลื่นลมแรง เหนือ-อีสาน อากาศเย็น
เดือนสุดท้าย! รีบใช้สิทธิ "ประกันสังคม" ทำฟันฟรี 900 บาท
นอกจากนี้ ประธานาธิบดี สี ยังส่งสัญญาณว่าอาจผ่อนคลายมาตรการต่างๆที่รัฐบาลจีน นำมาใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่า สายพันธุ์โอมิครอนมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา ทำให้รัฐบาลจีนรู้สึกสบายใจมากขึ้น ที่จะเปิดกว้างต่อการพิจารณาการผ่อนคลายนโยบายที่เป็นข้อจำกัดต่างๆ
ความเคลื่อนไหวนี้ยังสอดคล้องกับคำพูดของ นาง ซุน ชุ่นหลาน รองนายกรัฐมนตรีหญิงของจีน ที่ระบุเมื่อวันพฤหัสบดีเช่นกันว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีความรุนแรง น้อยลงเรื่อยๆ อีกทั้งอัตราการฉีดวัคซีนก็เพิ่มขึ้น และประชาชนได้สั่งสมประสบการณ์ในการควบคุมและป้องกันโรคมาพอสมควร มาตรการควบคุมโรคระบาดของจีนจึงจะเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนและภารกิจใหม่”
โดยก่อนหน้านั้น เพียง 1 วัน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ประกาศว่ากำลังมีการปรับปรุงแก้ไขมาตรการควบคุมโรคในปัจจุบัน และขอให้ฝ่ายบริหารในท้องถิ่นต่างๆตอบสนองต่อข้อเรียกร้องที่มีเหตุผลของประชาชนอย่างทันท่วงที
ทิศทางนโยบายการควบคุมไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลจีน ที่เปลี่ยนแปลงไปนี้เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลประเทศอื่นๆสามารถสังเกตได้ โดยนางเวนดี เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่ขณะนี้ไม่มีการประท้วงเกิดขึ้นในจีนแล้วส่วนหนึ่งเป็นเพราะเริ่มมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์บางส่วนแล้ว เช่น การอณุญาตให้กักตัวที่บ้านได้
อย่างไรก็ตาม เชอร์แมน เชื่อว่าอีกสาเหตุหนึ่งที่สถานกาณ์ในจีนสงบลงอย่างรวดเร็วเพราะรัฐบาลใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม นอกจากกระแสความไม่พอใจของประชาชนแล้ว นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า อีกสาเหตุที่ทำให้หลายเมืองตัดสินใจผ่อนปรนมาตรการลง เป็นเพราะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมหาศาลที่ต้องเสียไปกับการดำเนินการตามมาตรการของรัฐบาล อย่างเช่น การตรวจหาเชื้อให้กับประชาชนครั้งละมากๆ และข้อกำหนดให้ล็อกดาวน์สถานที่ที่พบผู้ติดเชื้ออย่างเข้มงวด
โดยจากข้อมูลของกระทรวงการคลังจีนพบว่า ระหว่างเดือน ม.ค-ต.ค หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นมีภาระค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่ารายได้เกือบ 12 ล้านล้านหยวน หรือ ประมาณ 60 ล้านล้านบาท ทำให้ต้องกู้เงินจากสถาบันการเงิน ระงับการให้บริการสาธารณะบางประเภท และ ขายสินทรัพย์บางส่วน
ปัญหานี้ยังถูกซ้ำเติมด้วยรายได้ที่ลดลง จากการขายสิทธิทำประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่ไม่ใช่ภาษีที่ใหญ่ที่สุดของหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นของจีน โดยในปีนี้รายได้ในส่วนดังกล่าวลดลงไปแล้วถึง 26 เปอร์เซนต์ และสิ้นปีนี้มีแนวโน้มหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
นอกจากนี้ ยังมีการลดหย่อนภาษีซึ่งคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 3.7 ล้านล้านหยวน หรือเกือบ 20 ล้านล้านบาท และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ ขยายตัวเพียง 3 เปอร์เซนต์
กรมอุตุฯ เตือน! ฉ.10 ภาคใต้ 24 จังหวัด ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง หวั่นน้ำท่วมฉับพลัน
ตารางฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม เสาร์ที่ 3 ธ.ค. ช่องดูบอลสดและอัปเดตผลบอลโลก