เมื่อวันศุกร์ (9 ธ.ค.) ที่ผ่านมา อังกฤษ ญี่ปุ่น และอิตาลี ได้ออกมาประกาศว่า ทั้งสามประเทศจะร่วมกันพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นใหม่ โดยจะทำให้มีศักยภาพเหนือกว่าเครื่องบินรบของจีนหรือรัสเซีย หรือกระทั่งของสหรัฐฯ เองเช่นกัน
แถลงการณ์ระบุว่า “เราขอประกาศโครงการ Global Combat Air Program (GCAP) ซึ่งเป็นความพยายามอันทะเยอทะยานในการพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นต่อไปภายในปี 2035”
เอาอะไรมาแลกรัสเซียก็ยอม! รู้จัก วิคเตอร์ บูท “พ่อค้าแห่งความตาย”
นิตยสารไทม์ ยก “เซเลนสกี” ปธน.ยูเครน เป็นบุคคลแห่งปี 2022
ปูติน คาดสงครามยูเครน จะยังคงอยู่อีกนาน เตือนสงครามนิวเคลียร์เสี่ยงมีเพิ่มสูงขึ้น
ถ้อยแถลงของผู้นำสามประเทศไม่ได้เอ่ยชื่อจีนหรือรัสเซีย แต่ระบุว่า พวกเขาจำเป็นต้องมีเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ “เนื่องจากมีภัยคุกคามและความก้าวร้าวเพิ่มมากขึ้นต่อระเบียบระหว่างประเทศที่อิงตามกฎ เสรี และเปิดกว้าง”
พวกเขาเสริมว่า “การปกป้องประชาธิปไตย เศรษฐกิจ และความมั่นคงของเรา และการปกป้องเสถียรภาพในภูมิภาค มีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย”
ในแถลงการณ์อีกฉบับหนึ่ง รัฐบาลอังกฤษกล่าวว่า การพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นใหม่คาดว่าจะเริ่มในปี 2024 และคาดว่าจะสามารถนำขึ้นบินปฏิบัติการได้จริงภายในปี 2035 โดยอาจใช้ชื่อว่า “เทมเพสต์ (Tempest)”
รัฐบาลอังกฤษระบุว่า การพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นใหม่ครั้งนี้ จะใช้เทคโนโลยีจากทั้งสามร่วมกัน “เป้าหมายคือการทำให้มันเป็นเครื่องบินรบยุคใหม่ที่เพียบพร้อมด้วยความสามารถ เช่น เครื่องบินไร้คนขับ เซ็นเซอร์ขั้นสูง อาวุธล้ำสมัย และระบบข้อมูลที่ยอดเยี่ยม” รวมถึงใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ด้วย
ภาพสุดท้ายของโครงการนี้คือ เครื่องบินรบที่ล่องหนจากระบบการตรวจจับได้ มีความเร็วสูง ใช้เซ็นเซอร์ขั้นสูง และใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยเหลือนักบินที่เป็นมนุษย์ เมื่อพวกเขาอยู่ภายใต้ความเครียดขั้นรุนแรงหรือไม่สามารถบังคับเครื่องได้อย่างมีประสิทธฺภาพ นอกจากนี้ มันจะสามารถบินได้โดยไม่ต้องใช้คำสั่งของนักบินหากจำเป็น และสามารถยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงได้
เครื่องบินเจ็ทลำใหม่นี้ถูกมองว่าจะมาแทนที่เครื่องบินขับไล่ Typhoon ของอังกฤษและ F-2 ของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ในโครงการนี้ อังกฤษ ญี่ปุ่น และอิตาลี จะดำเนินตามแนวทางของตนเองโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ผู้ผลิตเครื่องบินรบชั้นนำของโลก
ริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีอังกฤษที่เพิ่งขึ้นดำรงตำแหน่งได้ไม่นาน กล่าวว่า โครงการนี้ยังมีผลพลอยได้ในการสร้างงานในอังกฤษหลายพันตำแหน่งและกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ
เขาเสริมว่า ความร่วมมือนี้จะ “ปกป้องประเทศให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามใหม่ที่เราเผชิญ ... เราเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มีความสามารถในการสร้างเครื่องบินขับไล่ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี”
โครงการนี้ยังมีภาคเอกชนเข้าร่วมการพัฒนาด้วย เช่น BAE Systems บริษัท Mitsubishi Heavy Industries ของญี่ปุ่น และ Leonardo ของอิตาลี เป็นต้น